ในขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กำลังเดินหน้า “ปฏิวัติพลังงาน” แก้ปัญหาไฟแพง ประชาชนเดือดร้อน อีกด้านของครอบครัวรัฐมนตรีคนนี้ กลับเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับ “สมรภูมิทุน” ที่มีมูลค่าหลายพันล้าน
ภรราของเขา คุณสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค คือผู้ถือหุ้นรายสำคัญของ บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด บริษัทที่ครองหุ้นใหญ่ใน บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เครือโรงแรมหรูระดับชาติที่คนไทยคุ้นชื่อมานาน
จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ บริษัทชนัตถ์และลูก จำกัด ถือหุ้น 49.74% ของ DUSIT และในโครงสร้างภายในของบริษัทนี้ คุณสุนงค์ถือหุ้นถึง 21.62% นับเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดทิศทางของโรงแรมระดับตำนานแห่งนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เกิด “แรงสะเทือน” ในโครงสร้างบริษัทชนัตถ์และลูกฯ เมื่อ ตระกูลโทณวณิก ที่เคยเป็นผู้ก่อตั้ง ถูกดึงตัวแทนออกจากคณะกรรมการ และแทนที่ด้วยลูกชายของคุณสุนงค์และตัวแทนจากกลุ่มเธียรประสิทธิ์
เสียงในห้องประชุมเปลี่ยน
อำนาจภายในเปลี่ยน
และอนาคตของ DUSIT ก็กำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่
ล่าสุด บริษัทชนัตถ์และลูกฯ ยังไม่อนุมัติงบการเงินของ DUSIT ประจำปี 2567 แม้จะผ่านการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีแล้ว ส่งผลให้ DUSIT ไม่สามารถยื่นงบไตรมาสแรกปี 2568 ต่อ ก.ล.ต. ได้ตามกำหนด และอาจถูกตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย SP (Suspension)
คำถามสำคัญคือ เรากำลังเผชิญกับ “ความขัดแย้งภายในบริษัทเอกชน” หรือ “การจัดทัพทุนเงียบ ๆ ที่เชื่อมโยงถึงอำนาจรัฐ”?
เมื่อบทบาทของภรรยารัฐมนตรีพลังงาน กลายเป็นผู้มีอิทธิพลในบริษัทที่ถือหุ้นโรงแรมใหญ่ระดับประเทศ สะท้อนว่า “อำนาจ” และ “ทุน” กำลังเดินคู่กันแบบไม่มีเส้นแบ่ง
ในละครโทรทัศน์ เรายังพอแยกได้ว่าใครตัวเอก ใครตัวร้าย
แต่ในโลกแห่งความจริง… คนดูอาจไม่รู้เลยว่าใคร “เขียนบท”
