“สังคมไทยไม่เคยมีคำตอบตายตัวว่า ‘อำนาจ’ หมดอายุเมื่อไร แต่ทุกครั้งที่มันถูกตั้งคำถามด้วยความจริง อะไรบางอย่างก็มักจะเริ่มพังลงจากข้างใน…”
คุณเคยเห็นไหม? ผู้แทนของประชาชนที่ไม่มีใครเลือก
วันนี้ สมาชิกวุฒิสภา หรือที่ใครหลายคนเรียกติดปากว่า “ส.ว.แต่งตั้ง” กำลังยืนอยู่ในมุมอับของรัฐธรรมนูญที่พวกเขาเคยผลักดันให้เกิดขึ้นเอง
55 คนในกลุ่ม “ส.ว.ลากตั้ง” ถูกหมายเรียกโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในคดีที่สังคมเรียกกันง่ายๆ ว่า “ฮั้วเลือก ส.ว.” บางคนเดินเข้ารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมรอยยิ้ม บางคนพูดภาษาฝรั่งเศสใส่นักข่าวราวกับปฏิเสธความเข้าใจเดียวกันกับประชาชน
แต่ปฏิกิริยาเหล่านี้ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
จุดเริ่มต้นของจุดจบ?
พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา หนึ่งในผู้เข้ารับข้อกล่าวหา ให้สัมภาษณ์ว่า “วันนี้ก็โล่งใจ” แต่สำหรับสังคมไทย คำว่า “โล่งใจ” อาจยังมาเร็วเกินไป เพราะสิ่งที่พวกเขาทำไว้ อาจเปลี่ยนแปลงสมดุลขององค์กรอิสระทั้งหมดไปอีกนาน
ในขณะที่ประชาชนเรียกร้องให้ “องค์กรตรวจสอบ” ทำหน้าที่อย่างเป็นธรรม กลับมีเสียงจาก ส.ว. จำนวนหนึ่ง พยายามชะลอการเลือกตั้งคณะกรรมการองค์กรอิสระ อาทิ กกต. และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่ตัวเองตกอยู่ในกระบวนการสอบสวน
พวกเขายังควรมีอำนาจเลือกคนตรวจสอบพวกเขาเองหรือไม่?
“องค์กรอิสระ” ยังอิสระอยู่ไหม?
มีการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สมาชิกวุฒิสภาทั้ง 200 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนกว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้น คำร้องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมันไม่เพียงแต่เป็นการตั้งคำถามเรื่องจริยธรรม แต่ยังเป็นการตั้งคำถามต่อความชอบธรรมของทุกกระบวนการที่ ส.ว. เหล่านี้จะไปมีส่วนร่วม
องค์กรอิสระต้อง “อิสระ” จากใครก่อน?
แล้วเราจะทำอะไรกับอดีต?
คนกลุ่มนี้ได้รับอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่สร้างขึ้นจากเงื่อนไขแห่งความหวาดระแวงต่อการเมือง แต่วันนี้อำนาจนั้นเริ่มหันกลับมาเล่นงานคนที่เคยใช้มัน
ความเงียบของ ส.ว. ในอดีต กลายเป็นเสียงก้องในปัจจุบัน เพราะมันสั่งสมความไม่ไว้ใจของประชาชนจนถึงจุดเดือด
เมื่ออำนาจไร้ที่มา กำลังเผชิญกับคำถามที่มาจากความถูกต้อง กระบวนการยุติธรรมจึงไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมาย แต่คือบทพิสูจน์ว่า ประเทศนี้ยังฟังเสียงของประชาชนอยู่หรือไม่
“เมื่อไม่มีใครเลือกคุณตั้งแต่ต้น คุณไม่มีวันหลีกหนีคำถามเรื่องความชอบธรรมได้จนจบ”
