ในขณะที่การเมืองระดับชาติยังวนเวียนอยู่กับดีลใต้โต๊ะ-สภาบน สภาล่าง…เสียงกระซิบจาก “สนามเล็ก” อย่างเทศบาลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ก็เริ่มส่งสัญญาณบางอย่างให้ขนลุกซู่ยิ่งกว่าพายุฤดูฝน
เพราะคำว่า “บัตรเขย่ง” ไม่ใช่เรื่องใหม่ในพจนานุกรมเลือกตั้งไทย แต่มันใหม่เสมอเมื่อมันปรากฏขึ้นหลังปิดหีบ! ยิ่งมีเสียงเล่าลือว่ามี “บัตรมากกว่าคน” หรือ “บัตรหายไปกับสายลม” เสียงขรมก็เริ่มดังขึ้นเหมือนกลองยาววันเลือกตั้ง
แต่ กกต.ปทุมธานี รีบออกโรงยืนยัน “ไม่มีบัตรเขย่ง ไม่มีบัตรเกิน” ฟังแล้วเบาใจใช่ไหม? คำตอบคือ ไม่! เพราะแม้จะไม่มีบัตรเขย่งตามสายตาเจ้าหน้าที่ แต่มันมีคำร้อง มีข้อครหา มีร่องรอยของความผิดปกติที่ยังไม่มีใครเคลียร์
โดยเฉพาะการที่ กกต. สั่ง “เลือกตั้งใหม่” ที่หนองสามวัง หน่วย 2 ในวันที่ 1 มิถุนายน และคูคตอีกแห่ง ก็เพราะ “บัตรหาย” ซึ่งคำว่า “หาย” เนี่ย มันไม่ได้หมายถึงหายไปกับลม หรือไปซุกใต้โต๊ะ มันหมายถึง “ไม่มีหลักฐานอธิบาย” และในกติกาประชาธิปไตย นั่นคือสิ่งอันตราย
ลองนึกภาพดู ถ้าบัตรเลือกตั้งหาย 1 ใบ หรือ 7 ใบ แล้ว “หายอย่างเงียบงัน” โดยไม่มีใครรับผิดชอบ สุดท้ายจะเหลืออะไรให้เชื่อมั่น?
และเมื่อหันกลับมามองกรณีธัญบุรีที่เสียงลือว่ามี “บัตรเขย่ง” แต่ กกต. กลับบอกว่า “ไม่มี” แล้วเราควรเชื่อใคร?
ระหว่างสายตาชาวบ้านที่อยู่หน้าคูหา กับระบบรายงานผลที่ส่งมาจากเจ้าหน้าที่?
ระหว่างเสียงของชาวบ้านที่ไปใช้สิทธิ์จริง กับตัวเลขแห้งๆ บนกระดาน?
ไม่ใช่ว่า กกต. ผิด แต่ในระบบที่ประชาชนไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นจริง…ใครจะกล้าพูดว่า “ถูก”?
และที่สำคัญ เมื่อมีคำร้อง มีข้อกล่าวหา แต่ยังไม่มีคำตอบ ก็เท่ากับว่า ยังไม่มีใครรับผิดชอบ
การเลือกตั้งในเทศบาลอาจดูเหมือนเรื่องเล็กสำหรับนักการเมืองระดับประเทศ แต่เชื่อเถอะว่า “คนโกงเสียง” ในสนามเล็ก…ก็มักจะเติบโตมาเป็น “คนโกงอำนาจ” ในสนามใหญ่
เสียงของประชาชนต้องศักดิ์สิทธิ์พอที่จะไม่ถูก “เขย่ง” โดยใครทั้งนั้น
