โรมฉะกฎหมายต้านคอลเซ็นเตอร์ ไร้เขี้ยว–ไร้ใจ ปล่อยเหยื่อแบกรับชะตากรรมลำพัง

ในห้องประชุมรัฐสภาอันเย็นเฉียบจากแอร์ แต่ลุกเป็นไฟด้วยเสียงอภิปราย “โรม” รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคประชาชน ลุกขึ้นจุดชนวนความจริงที่หลายฝ่ายทำเป็นลืม

เขาพูดถึงสิ่งที่ใครต่อใครพากันหวังว่า พ.ร.ก.ว่าด้วยมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่สภาผ่านเมื่อปีที่แล้ว จะเป็น “โล่ป้องกัน” แก่ประชาชนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทว่าในความจริง มันกลับกลายเป็น “ใบผ่านทาง” ให้ธนาคารและค่ายมือถือรอดพ้นจากการรับผิดชอบอย่างเป็นระบบ

โรมถามกลางสภาอย่างตรงไปตรงมาว่า หากเหยื่อโดนดูดเงินไปหมดบัญชี ธนาคารหรือโอเปอเรเตอร์ช่วยเหลือเพียงนิดเดียว เช่นแค่ 1% แบบนี้จะเรียกว่า “มีส่วนรับผิดชอบ” แล้วหรือ? ถ้ากฎหมายเขียนคลุมเครือขนาดนั้น แล้ว “ความยุติธรรม” ของเหยื่ออยู่ตรงไหน?

จุดที่โรมตอกย้ำอย่างเฉียบคมที่สุด คือ…
“กฎหมายฉบับนี้ ไม่ได้ให้น้ำหนักกับความเป็นธรรมของผู้เสียหายเลย”

เขาตั้งคำถามถึงหลักการของกระบวนการยุติธรรม ว่าเหตุใดผู้เสียหายต้องพิสูจน์ตัวเอง ในขณะที่บริษัทใหญ่กลับอ้างเพียงการ “มีส่วนช่วย” อย่างผิวเผินก็เพียงพอแล้วในทางกฎหมาย

“เรายอมให้คนจนถูกหลอก แล้วปล่อยให้แบงก์ใหญ่หรือค่ายมือถือแค่ ‘มีท่าทีช่วยเหลือ’ ก็รอดตัวไปหรือ?”
นี่คือคำถามที่โรมฝากไว้กลางห้องประชุม แต่มันสะเทือนถึงห้องหัวใจของประชาชนที่เคยมีเงินในบัญชี แล้วจู่ๆ มันหายไปเพียงเพราะโทรศัพท์ปลอมเบอร์โทรจากเจ้าหน้าที่รัฐ

เขายังขุดลึกไปถึง “บัญชีม้า” และ “ซิมม้า” ที่ยังเปิดใช้งานได้ราวกับไม่มีรัฐควบคุม แบงก์บางแห่งยังเปิดบัญชีง่ายดายราวกับแจกแสตมป์ ส่วนซิมโทรศัพท์ที่ควรจะมีมาตรการคุมเข้ม กลับกลายเป็นว่า “คนต่างด้าวชื่อซ้ำกัน” เปิดได้เป็นร้อยเป็นพันเบอร์

ถึงแม้สภาจะมีมติเอกฉันท์ให้ผ่าน พ.ร.ก. ฉบับใหม่ที่เพิ่มโทษและกำหนดแนวทางคืนเงินให้เหยื่อเร็วขึ้น แต่คำถามของโรมยังห้อยอยู่กลางอากาศ:
“หากโครงสร้างความรับผิดชอบไม่เปลี่ยน แล้วเหยื่อจะได้ความยุติธรรมจากที่ไหน?”

หรือแท้จริงแล้ว…กฎหมายที่เราผ่านกันอย่างภาคภูมิ ก็แค่ “มโนธรรมในกระดาษ” ที่ยังไม่ทันแห้งดีด้วยซ้ำ

แก๊งคอลเซ็นเตอร์, รังสิมันต์ โรม, พ.ร.ก.อาชญากรรมไซเบอร์, ความเป็นธรรมผู้เสียหาย, บัญชีม้า

นายกฯ สั่งตรวจเครื่องบินตำรวจหลัง ฮ.ตกประจวบฯ จุดคำถามเรื่องความปลอดภัยเจ้าหน้าที่

ไปลาว ไปจีน ไปไหน? พี่น้องประชาชนได้อะไรจากพลังงานสะอาด