เวลานี้ ใครว่าเกมการเมืองนิ่ง ลองขยับหูแนบกำแพงฟังเสียงในห้องลึกดูหน่อยไหม
เพราะใต้พรมกำลังขยับแรงอย่างเงียบงัน
ขณะที่แพทองธารยังนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจร้อนรุ่ม ความไม่พอใจจากหลายขั้วเริ่มสะสม แต่ประเด็นที่น่าจับตาไม่ใช่เพียงแรงเสียดทานในสภา หากแต่เป็นแรงกระเพื่อมจากคนที่ไม่ได้อยู่ในสภา กำลังขยายตัวอย่างเงียบเชียบ
แผนรัฐประหารซ่อนรูป มาในรูปแบบไหน
กระแสข่าววงในสะพัดว่าเวลานี้กลุ่มอำนาจเก่าซึ่งในวงการเรียกกันว่า elite กำลังผลักดันแนวคิดจัดตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง
ไม่ใช่รัฐประหารแบบเดิม ไม่มีรถถัง ไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญ
แต่เป็นการรัฐประหารเชิงนวัตกรรมที่ละเมียดมาก ทุกพรรคยังอยู่ครบ สภายังทำงาน แต่จะใช้กลไกทางการเมืองเพื่อเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีโดยไม่ต้องพึ่งกระบวนการปกติ
ขั้นตอนแรกคือโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค ซึ่งหลายฝ่ายประเมินไว้แล้วว่ามีโอกาสไม่ผ่าน
แผนสำรอง นายกรัฐมนตรีคนนอก
ในจังหวะนี้เอง ช่องทางเปิดให้เสนอนายกรัฐมนตรีคนนอก โดยชื่อที่ถูกพูดถึงมากในกลุ่ม elite คือ ดร.วิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
บุคลิกสะอาด เงียบขรึม ไม่มีมลทินการเมือง ถูกวาดภาพเป็นทางออกของประเทศในภาวะการเมืองอึมครึมขณะนี้
แผนนี้จะเดินหน้าได้ก็ต่อเมื่อกลไกนอกระบบเห็นชอบ และไม่ใช่แค่แพทองธารต้องยอมถอย แต่พรรคการเมืองอื่นๆ ต้องเปิดไฟเขียวร่วมด้วย
ฝัน หรือ กับดัก
คำถามสำคัญคือ ถ้าแผนนี้เดินหน้า หุ้นจะขึ้นหรือไม่ ประเทศจะดีขึ้นจริงหรือเปล่า
ในวงสนทนาการเมืองก็มีเสียงแตก บางฝ่ายมองว่าเป็นวังวนเดิมกลับมา บางฝ่ายเห็นว่านี่คือทางออกสุดท้าย
แต่ในเชิงประชาธิปไตย นี่ใช่การรัฐประหารซ่อนรูปหรือไม่ แม้ไม่มีรถถัง แต่การบีบเปลี่ยนผู้นำด้วยกลไกนอกกระบวนการประชาธิปไตย ก็ย่อมสร้างคำถามไม่น้อย
และเสียงประชาชนอยู่ตรงไหนในกระบวนการนี้
อย่าประเมินต่ำ
แม้จะมีคนมองว่า elite เหล่านี้เป็นแค่กลุ่มคนสบายบนหอคอยงาช้าง
แต่พลังเชิงอิทธิพลของกลุ่มนี้ไม่ธรรมดา จำนวนอาจน้อย แต่เครือข่ายลึกและกว้าง
สุดท้ายนี้
ผมไม่ได้บอกว่าแผนนี้จะเกิดขึ้นจริง
ไม่ได้บอกว่าควรเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
แต่ในแวดวงการเมืองขณะนี้ แนวคิดนี้กำลังถูกส่งต่ออย่างจริงจัง
ใครที่ประเมินต่ำ อาจเจอเกมนอกกระดานเล่นงานแบบไม่รู้ตัว
เกมนี้เพิ่งเริ่มต้น จับตาไว้ให้ดี
