การเมืองไทยวันนี้ ขยับตัวเบาๆ แต่กลิ่นความขัดกันแห่งผลประโยชน์โชยมาตามลมแรง
พลันที่ชื่อ พีรพันธ์ สาลีรัฐวิภาค ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ถูกจับจ้องอีกระลอก ในคดีที่อาจไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ ทางจริยธรรม
ต้นเรื่องก็ตรงไปตรงมา แต่บาดลึก
การแต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดเข้ารับตำแหน่งทางการเมือง กลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อพีรพันธ์แต่งตั้งบุคคลสนิทสามรายขึ้นมาช่วยงานในกระทรวงพลังงาน และทำเนียบรัฐบาล ได้แก่
พลโท จีรนัย วงศาสอาด (คุณเซเปิ้ล) ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และกรรมการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต กฟผ.
คุณปรามศักดิ์ ชุนวัน (คุณหมู) ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี
คุณสยาม บางกุณธรรม (คุณโก้) ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ปัญหาก็คือ บุคคลทั้งสามรายนี้ มีชื่อในบริษัทส่วนตัวของพีรพันธ์ บริษัท VPE จำกัด โดยมีจีรนัย และสยาม เป็นกรรมการ และปรามศักดิ์ เป็นผู้ถือหุ้น
หนังสือรับรองบริษัทลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ระบุข้อมูลชัดเจน
ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หรือ Conflict of Interest จึงเกิดขึ้นทันที เพราะรัฐธรรมนูญ ปี 2560 หมวด 9 มาตรา 186 กำหนดชัดว่า รัฐมนตรีต้องไม่ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตนเองหรือพวกพ้อง
คุณณัฐพร โตปยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ระบุว่าพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายละเมิดต่อมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง
หากมีผู้ร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ขั้นตอนถัดไปคือ ป.ป.ช. รวบรวมพยานหลักฐาน และเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ระหว่างการพิจารณาในศาล ผู้ถูกร้องต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที ซึ่งนั่นคือจุดตายทางการเมืองของพีรพันธ์ ที่ถูกจับตาว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร
อย่างไรก็ตาม กระบวนการของ ป.ป.ช. เอง ก็ถูกตั้งคำถามเรื่องความล่าช้า และการดำเนินการแบบเลือกปฏิบัติ
นี่ยังไม่ใช่คดีเดียว เพราะพีรพันธ์ยังมีอีกหนึ่งคดีรออยู่ คือคดีแจกถุงยังชีพ ที่มีประเด็นด้านจริยธรรมเช่นกัน
หลายฝ่ายจึงมองว่านักกฎหมายมือเซียน อาจตกม้าตายน้ำตื้น กับเรื่องง่ายๆ แบบนี้
ในยุคนี้ ข้อมูลและเอกสารจริงถูกเปิดเผยสู่สาธารณะอย่างรวดเร็ว เหลือแค่รอดูว่าเจตจำนงของผู้ตรวจสอบจะตรงไปหรือวกวน
และหากเรื่องนี้เข้าสู่ศาลเมื่อไร เกมอำนาจในพรรครวมไทยสร้างชาติและในคณะรัฐบาล จะเปลี่ยนทันที
