ยางรถยนต์ไม่ใช่แค่อุปกรณ์เสริมของรถ แต่คือเส้นแบ่งระหว่างความปลอดภัยกับอุบัติเหตุร้ายแรง และวันนี้ ประเทศไทยได้พบกับขบวนการลักลอบนำ “ยางเสื่อมสภาพ” ที่หมดอายุการใช้งานมาดัดแปลงเพื่อขายต่อ โดยการลบชื่อยี่ห้อและวันผลิตออกบางส่วน เสมือนฟื้นชีวิตจากซากให้กลับมาอยู่บนถนน

รัฐมนตรีอุตสาหกรรม เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เปิดเผยว่า มีการแจ้งเบาะแสถึงแหล่งลักลอบเก็บยางเสื่อมในพื้นที่ป่าสวนยาง อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบโดยทันที นำโดยคุณฐิตินันท์ โชติเดชาชัยนันท์ หัวหน้าสายตรวจ พบโกดังซุกยางเสื่อมสภาพจำนวนมหาศาลถึง 74,504 เส้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 223 ล้านบาท

การตรวจสอบพบว่ายางเหล่านี้ถูกเจียขัดบริเวณแก้มยางทั้งสองด้าน เพื่ออำพรางชื่อยี่ห้อและลบวันผลิตออกบางตัวอักษรอย่างจงใจ ถือเป็นการปกปิดข้อมูลเพื่อให้ดูเหมือนเป็นยางใหม่ เจ้าหน้าที่ยึดของกลางทั้งหมด และควบคุมตัวคนงานได้ 14 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมาและจีน โดยระบุว่าเจ้าของที่ดินเป็นคนไทย แต่ผู้ดำเนินการเช่าพื้นที่เป็นชาวจีนซึ่งขณะนี้ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว

ข้อมูลยังเผยว่ายางเหล่านี้มีต้นทางมาจากบริษัทหลายแห่งในจังหวัดชลบุรี โดยหนึ่งในบริษัทที่ถูกตรวจสอบคือ LLIT ประเทศไทย จำกัด และอีกหลายบริษัทที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบเอกสารใบโอนย้ายสินค้า สมุดบันทึก และเครื่องมือเจียยางในสถานที่เกิดเหตุ

ฝ่ายบัญชีของบริษัทหลิงหลง จำกัด ให้การว่ายางเหล่านี้เป็นยางตกเกรดที่นำมาเก็บไว้โดยไม่ได้ทำสัญญาเช่า อ้างว่ารอการทำลาย แต่เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นยางที่รอทำลายจริง เหตุใดจึงไม่ส่งตรงไปยังสถานที่กำจัดของเสีย แต่กลับนำมาซุกซ่อนไว้ในป่าเช่นนี้

นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาทางกฎหมาย แต่เป็นอาชญากรรมเชิงความปลอดภัย เพราะยางเสื่อมคุณภาพมีความเสี่ยงระเบิดสูงโดยเฉพาะเมื่อใช้งานบนถนนด้วยความเร็ว หากปล่อยให้ยางเหล่านี้เล็ดลอดไปถึงมือผู้บริโภค ความสูญเสียจะตามมาในรูปแบบที่ไม่อาจประเมินค่าได้

กระทรวงอุตสาหกรรมแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมเร่งขยายผลไปยังบริษัทต้นทางและเครือข่ายที่อาจเกี่ยวข้อง เพื่อสกัดวงจรลักลอบที่เอาชีวิตคนไทยไปแลกกับผลกำไร

กรณีนี้ไม่ใช่ข่าวเล็ก แต่คือสัญญาณอันตรายที่สังคมไทยต้องไม่ปล่อยผ่าน การปลอมแปลงยางเก่าให้ดูเหมือนใหม่คือการฆาตกรรมทางอ้อมที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกวันบนท้องถนน