ศึกชิงเก้าอี้มหาดไทย ยื้อไม่จบ รัฐบาลส่อเสียศูนย์

หลายคนคงถามว่าเมื่อไหร่จะปรับ ครม.?
คำตอบคือ…ไม่รู้
และดูเหมือนคำตอบนี้จะกลายเป็นนโยบายร่วมรัฐบาลไปแล้วเสียด้วยซ้ำ

ศึกปรับคณะรัฐมนตรีที่ควรเป็นเพียง “เรื่องภายใน” ของพรรคร่วมรัฐบาล กลับแปรเปลี่ยนเป็น “ละครภายนอก” ที่เล่นกันซ้ำฉาก ซ้ำบท จนคนดูเริ่มรู้ทัน จังหวะยื้อ ยึก ยัก ดูจะไม่ใช่เพียงแค่การจัดวางตำแหน่ง แต่เป็นการเปิดศึกวัดพลัง ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทย

ฝ่ายหนึ่งอยากได้คืน อีกฝ่ายไม่ยอมคืน
เหมือนเด็กแย่งของเล่น
แต่ของเล่นที่ว่าคือ กระทรวงมหาดไทย

ฝ่ายหนึ่งเดินเกมทวงคืน
อีกฝ่ายถือไพ่แน่น ยืนยันข้อตกลงเดิม
แต่ในโลกของการเมือง ไม่มีอะไร “เดิม” ได้ตลอดกาล
โดยเฉพาะเมื่อพลังต่อรองโยงใยกับโซเชียลพาวเวอร์ นอกรัฐบาล

อนุทินพูดชัด: “ถ้าไม่คุยเรื่องกระทรวง แล้วผมจะมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?”
ในขณะที่เพื่อไทยยืนยันปฏิเสธว่า คุยกันเรื่องนโยบาย ไม่ใช่ตำแหน่ง
แล้วเก้าอี้มันเดินมาหาเองหรือไง?

หรือว่านี่คืออีกหนึ่งมุกคลาสสิกของการเมืองไทย:
“พูดอย่าง ทำอีกอย่าง แล้วอ้างความจำเสื่อมเป็นนโยบาย”

เมื่อเกมยื้อไม่จบ เสียงกระเพื่อมเริ่มไหวไปทั่วรัฐบาล
“ไฟฝัน” ที่ผู้คนเคยมี เริ่มมอด เพราะถูกเผาผลาญด้วยไฟแค้นระหว่างพรรคร่วม
รัฐมนตรีไม่ปรับ แต่ “ความเชื่อมั่น” สังคมถูกปรับลดทุกวัน

แปลกดีนะ…
ประเทศนี้สามารถมีคดีฮั้วเลือก ส.ว. ใช้เป็นอาวุธกดดันต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีได้
และดูเหมือน “มารยาททางการเมือง” กลายเป็นของหายากพอๆ กับน้ำใจนักกีฬาในสภา

หากวันหนึ่ง เพื่อไทยได้มหาดไทยคืน เนวินก็เสีย
หากวันหนึ่ง ภูมิใจไทยยื้อไว้ได้ คนเพื่อไทยก็เสียหน้า
และหากยื้อกันต่อไปจนรัฐบาลล่ม…
คนที่เสียที่สุด คือประชาชน

แต่เอาเข้าจริง ประชาชนก็เสียอยู่แล้ว
เสียเวลา เสียศรัทธา เสียความหวัง

ไฟฝันในใจของประชาชน ไม่ได้ดับเพราะไม่มีน้ำมัน
แต่มอดเพราะคนเติมไฟ…มัวแต่เถียงกันเรื่อง “ใครได้จับถัง”

ปรับครม, รัฐบาลเพื่อไทย, พรรคภูมิใจไทย, กระทรวงมหาดไทย, การเมืองไทย

มาดามแป้ง แม่ทัพลูกหนังผู้ไม่ยอมให้บอลไทยถูกทอดทิ้ง

หมอเวรกับเวรกรรมทางการเมือง ป่วยไม่วิกฤติ แต่ต้อง “รอด” ทุกฝ่าย?