วันที่ 17 มิถุนายน 2568 น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส. กทม. พรรคประชาชน และรองประธานกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณปี 2569 ได้แถลงหลังที่ประชุมกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณไม่อนุญาตให้ถ่ายทอดสดการประชุมในทุกวาระ แม้ว่าจะมี ส.ส. ได้นำภาพเสียงเผยแพร่ผ่านช่องทางโซเชียลของตนเอง โดยกล่าวว่าเธอโกรธจน “หน้าสั่น” จากการตัดขาดประชาชนจากงบกว่า 3.8 ล้านล้านบาท และยืนยันว่าใครอยากฟ้องก็ “ฟ้องเลย เพราะดิฉันรับผิดชอบเอง”
กรรมาธิการงบฯ เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน มีมติให้ถ่ายทอดเฉพาะภาพ–เสียงในพื้นที่ที่กำหนด เช่น หน้าห้องประชุมและห้องรับรอง โดยยกเว้นเฉพาะวาระที่เป็น ประชุมลับ เกี่ยวกับความมั่นคงหรือข้อมูลอ่อนไหวเท่านั้น

โดย น.ส.รักชนก ชี้ว่า หากกังวลว่าข้าราชการอาจถูกตำหนิ สามารถทำ ประชุมลับ ในตอนนั้นได้ แต่ถ้าไม่มีเหตุผลเรื่องความมั่นคง ก็ควรเปิดเผยสู่สาธารณะผ่านช่องของรัฐสภา เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณของประชาชนมีความโปร่งใส
ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้ บัญญัติการไลฟ์สด อย่างเป็นทางการ น.ส.รักชนกเน้นย้ำว่าเธอจะรับผิดชอบหากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังชี้ว่า หากความคิดริเริ่มในเรื่องความโปร่งใสทำให้บางคนรู้สึกไม่สบายใจ ก็ควรให้คนเหล่านั้นลาออก ไม่สมควรขวางงบประมาณที่เป็นเงินของประชาชน
ฝ่ายเพื่อไทยเตือน “สุ่มเสี่ยงผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์”
ด้าน นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ (เพื่อไทย) กลุ่มกรรมาธิการแสดงความกังวลว่าการไลฟ์ทุกวินาทีอาจมีข้อมูลรั่วไหล และอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หากไม่มีการคัดกรอง เนื่องจากข้าราชการอาจลังเลในการชี้แจงรายละเอียดการใช้จ่ายงบ โดยเขาเห็นว่ามติให้เผยแพร่เฉพาะในพื้นที่ที่กำหนดไว้แล้วเหมาะสม โดยหากเนื้อหาส่วนใดมีด้านความมั่นคงก็ให้ใช้มติประชุมลับ ขณะที่การเผยแพร่นอกเหนือจากนั้นต้องมีความรับผิดชอบของแต่ละคน
งบประชาชนควรโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไลฟ์สดสะดวก?
มุมมองจาก รักชนก คือการไลฟ์ประชุมงบประมาณเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดโอกาสการโกง เพราะสังคมสามารถเห็นกระบวนการและการอภิปรายได้เรียลไทม์ เธอมองว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วหลายชาติเลือกทำ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ไทยจะไม่เปิดเผยข้อมูลงบ
อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างเสียงสนับสนุนและความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงและกฎหมายคอมพิวเตอร์ได้สะท้อนความตึงเครียดทางนโยบาย ที่ยังต้องหาจุดสมดุลระหว่างความโปร่งใสกับการรักษาความปลอดภัยข้อมูล