วันที่ 17 มิถุนายน 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงกับสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลถึงมาตรการช่วยเหลือแรงงานไทยใน อิสราเอลและอิหร่าน หลังเกิดการสู้รบระหว่างสองประเทศ โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อม 24 ชั่วโมง ได้แก่ กระทรวงแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงกองทัพอากาศ เพื่อรับมือสถานการณ์จากสงครามและดำเนินการอพยพคนไทยทันทีหากจำเป็น
โดยนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่ากระทรวงแรงงานและกระทรวงการต่างประเทศร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟและเตหะราน ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือแรงงานและให้แรงงานไทยลงทะเบียนเพื่ออำนวยความสะดวก หากต้องการอพยพ
จากข้อมูลล่าสุด มีแรงงานไทยในอิสราเอลกว่า 40,000 คน และในอิหร่านประมาณ 250–300 คน นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า “ถ้าหน้างานพร้อมก็สามารถดำเนินการอพยพได้ทันที” โดยกองทัพอากาศได้จัดเตรียมเครื่องบินไว้เสร็จพร้อมสำหรับภารกิจ

มาตรการจากกระทรวงแรงงาน–การต่างประเทศ
กระทรวงแรงงานได้ตั้งแผนรับมือฉุกเฉินในอิสราเอล ประกอบด้วยการประสานกับองค์กรแรงงานอิสราเอล (PIBA) สร้าง 16 จุดช่วยเหลือฉุกเฉิน เปิดสายด่วน 1506 และขอความร่วมมือนายจ้างจัดพื้นที่ปลอดภัย (safe zone) พร้อมชะลอการส่งแรงงานชุดใหม่
ส่วนในอิหร่าน กระทรวงแรงงานเปิดช่องทางติดต่อผ่าน LINE, WhatsApp และ Facebook และประสานกับสถานเอกอัครราชทูตไทยในอาบูดาบีเพื่อแจ้งเตือนแรงงานให้รายงานตำแหน่งตัวเองทันทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
จากคำสั่งของนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีการเตรียมเครื่องบินและศูนย์ช่วยเหลือแรงงานในอิสราเอล พร้อมแผนอพยพทางบกผ่านจอร์แดน หรือทางอากาศเมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย
นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เรียกประชุมเร่งด่วนกับกองทัพและสถานทูตไทย เพื่อเสริมความพร้อมด้านยุทธศาสตร์ ส่งผู้แทนไปยังทั้งสองประเทศ เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์จากภาคสนามอย่างใกล้ชิด
กระทรวงแรงงานรายงานว่าแรงงานไทยทั้งในอิสราเอล และอิหร่าน ยังปลอดภัยดี ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่เน้นย้ำให้แรงงานหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง หลีกเลี่ยงการรวมตัว และเตรียมเครื่องมือสื่อสารติดตัวเพื่อรายงานสถานการณ์ เมื่อโรงหนังสตร์เสียงเตือนหรือประกาศฉุกเฉินดังขึ้น