ไอซ์ รักชนก ปะทะเดือด ไผ่ ลิกค์ ปมคุยอนุทิน

ดราม่าการเมืองระอุกลางโซเชียล เมื่อ “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ตอบโต้ “ไผ่” ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคกล้าธรรม หลังอีกฝ่ายตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการพบปะผู้นำพรรคภูมิใจไทย ล่าสุดกลายเป็นวิวาทะเดือดที่สาดวาทะกันทั้งสองฝั่ง ก่อนลุกลามเป็นประเด็นที่สื่อและนักการเมืองรุ่นใหม่จับตามอง

เหตุเริ่มต้นจากโพสต์ของ นายไผ่ ลิกค์ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเขาตั้งคำถามสาธารณะบนสื่อโซเชียลอย่าง เฟซบุ๊ค ว่า

“ทำไมไอซ์ไม่ไลฟ์สดตอนคุยกับท่านอนุทิน?”

ประเด็นดังกล่าวพาดพิงถึงกรณีที่ ไอซ์ รักชนก ศรีนอก ได้มีโอกาสพูดคุยและทานข้าวร่วมกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และรองนายกรัฐมนตรี

ไผ่ ลิกค์ มองว่า ในเมื่อมีการวิพากษ์การใช้เงินภาษีของประชาชนอยู่เสมอ การพบปะนักการเมืองคนสำคัญเช่นนี้ควรแสดงความโปร่งใสเช่นเดียวกัน

ทางด้าน ไอซ์ รักชนก เองก็ไม่ปล่อยผ่าน โพสต์ตอบโต้กลับทันควัน โดยระบุว่า

“ถามจริงๆ คุณไผ่ลิกค์…คิดไม่ออกจริงๆ หรือคะ ว่าความแตกต่างระหว่างมื้ออาหารที่ใช้เงินส่วนตัว กับการประชุมกรรมาธิการใช้ภาษีประชาชน มันต่างกันยังไง”

ข้อความของเธอแสดงความไม่พอใจที่ถูกตั้งคำถามในเชิงบิดเบือน โดยเธอยืนยันว่าการพบปะดังกล่าวเป็นการใช้จ่ายส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับงบประมาณของกรรมาธิการฯ หรือการใช้ภาษีแต่อย่างใด

ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ไผ่ ลิกค์ โพสต์ข้อความตอบโต้ในโทนเสียดสีรุนแรงกว่าเดิมว่า

“สมองผมอะพอมีรึเปล่าผมก็ไม่รู้ เอาเป็นว่า สันดานผมดี ละกันครับ”

คำพูดดังกล่าวถูกวิจารณ์ในวงกว้างทั้งในหมู่ประชาชนทั่วไป และนักการเมืองด้วยกันเองว่าไม่เหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อออกจากผู้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. ที่ควรแสดงวุฒิภาวะ

แม้แต่ นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ก็เข้ามาคอมเมนต์ใต้โพสต์ของไผ่ว่า

“ถ้าเป็นพี่โพสต์แบบท่าน ส.ส.ไผ่นะ…ทัวร์ลงยับ”

เป็นสัญญาณชัดว่า วาทะครั้งนี้ไม่ใช่เพียงปะทะระหว่างสองคนเท่านั้น แต่กำลังอาจสะท้อนความตึงเครียดระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้าน–รัฐบาล

ล่าสุดในวันที่ 7 กรกฎาคม ไอซ์ รักชนก ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวที่รัฐสภา โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า

“เป็นเรื่องไร้สาระ ไม่กระทบการทำงานของ กมธ.”

ขณะเดียวกันเธอพาดพิงไปยังนายไผ่ว่า ไม่ค่อยปรากฏตัวในที่ประชุมกรรมาธิการ และแม้แต่วิปรัฐบาลเองก็ไม่พบความเคลื่อนไหวจากเขาเท่าที่ควร

แม้ไม่มีสัญญาณว่าวิวาทะครั้งนี้จะลุกลามเป็นประเด็นในสภา แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า การทำงานการเมืองในยุคดิจิทัล ไม่สามารถแยกออกจากภาพลักษณ์และความรับผิดชอบบนสื่อสาธารณะได้อีกต่อไป

เส้นตายภาษีทรัมป์ กับความเสี่ยงส่งออกไทย

ทรัมป์ลั่นเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากไทย 36% เวียดนามรอด แต่อาเซียนระส่ำ