คณะรัฐมนตรีชะลอการพิจารณาร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเม้นคอมเพล็กซ์ในประเทศไทย หวังเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย หลังเผชิญกระแสต่อต้านทั้งจากสังคมและฝ่ายค้าน ขณะเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลยังอยู่ในภาวะเปราะบาง เสี่ยงต่อการผลักดันกฎหมายใหญ่ไม่สำเร็จ

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติชะลอการพิจารณา ร่างกฎหมายคาสิโนและศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ออกจากวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเปิดโอกาสให้มีการ รับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน กลุ่มศาสนา นักวิชาการ และภาคการเมือง อย่างรอบด้าน ท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ที่ยังคงอยู่ในสถานะ “รักษาการ” หลังศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักหน้าที่

เสียงต้านจากสังคมกดดันรัฐบาลถอยร่างกฎหมาย

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า สาเหตุหลักที่ต้องชะลอร่างกฎหมายนี้ มาจากกระแสต้านที่รุนแรงขึ้นจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางศาสนา องค์กรสาธารณประโยชน์ และนักวิชาการ ที่เห็นว่าการเปิดคาสิโนในประเทศอาจนำไปสู่ปัญหาทางสังคมในระยะยาว เช่น การฟอกเงิน หนี้สินครัวเรือน และอาชญากรรม

แม้รัฐบาลจะพยายามชี้แจงว่าร่างกฎหมายนี้มีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ และเพิ่มรายได้จากภาษีโดยการสร้างแหล่งบันเทิงแบบครบวงจรในรูปแบบ “ลาสเวกัสเมืองไทย” แต่ก็ยังไม่สามารถคลายความกังวลของประชาชนได้

การเมืองเปราะบาง กระทบแนวรบกฎหมายเศรษฐกิจ

นอกจากกระแสสังคมแล้ว ปัจจัยด้าน เสถียรภาพทางการเมือง ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการผลักดันร่างกฎหมายนี้ ภายหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล ทำให้เสียงสนับสนุนในสภาหายไปจำนวนมาก ขณะที่พรรคเพื่อไทยเองยังเผชิญกับศึกภายในและภายนอก ทั้งกรณีศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาจริยธรรมนายกรัฐมนตรี และปัญหาเสียงปริ่มน้ำที่ปรากฏชัดในวันเปิดประชุมสภาวันแรก

การถอยร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเม้นคอมเพล็กซ์จึงถูกมองว่าเป็นยุทธศาสตร์เลี่ยงชน เพื่อลดแรงเสียดทานและป้องกันไม่ให้รัฐบาลพลาดท่าทางการเมืองในจังหวะที่เปราะบางที่สุด

อนาคตคาสิโนไทยยังไม่ดับ แต่ต้องรื้อกระบวนการ

แม้จะชะลอร่างกฎหมายดังกล่าว แต่ฝ่ายสนับสนุนในภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวยังยืนยันว่าการจัดตั้งคาสิโนแบบถูกกฎหมายสามารถเป็นทางออกเศรษฐกิจได้ หากมีระบบควบคุมและตรวจสอบเข้มงวด โดยเฉพาะในช่วงที่ไทยต้องการเพิ่มรายได้จากต่างประเทศ และแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ กัมพูชา และฟิลิปปินส์ ที่มีรีสอร์ตคาสิโนถูกกฎหมายอยู่ก่อนแล้ว

อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าเรื่องนี้จำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานของความโปร่งใส มีการศึกษาผลกระทบทางสังคมอย่างรอบด้าน และต้องไม่กลายเป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ซึ่งอาจเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่