ทักษิณเตรียมฟังคำพิพากษาคดี ม.112 วันที่ 22 ส.ค. นี้

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมเข้าฟังคำพิพากษาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112) ในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ณ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่สะท้อนแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งพรรคเพื่อไทยและเสถียรภาพของรัฐบาลปัจจุบัน โดยคดีดังกล่าวมีบทลงโทษสูงสุดถึง จำคุก 15 ปี ซึ่งหากมีคำพิพากษาในทางใดทางหนึ่ง ก็อาจส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อทิศทางของประเทศในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

เบื้องหลังคดี ม.112 ที่พัวพันอดีตผู้นำประเทศ

คดีอาญานี้สืบเนื่องจากพฤติกรรมหรือคำให้สัมภาษณ์ของ นายทักษิณ ระหว่างใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศในช่วงการลี้ภัย ซึ่งอัยการเห็นว่าเข้าข่ายความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันว่าด้วยการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ โดยในปี 2567 เมื่อเจ้าตัวเดินทางกลับประเทศไทยหลังลี้ภัยมานานกว่าสิบปี ก็ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีตามกฎหมายในหลายคดี รวมถึงคดีนี้ด้วย

แม้ในช่วงแรกจะมีการปล่อยตัวให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขการรักษาพยาบาลและคุมประพฤติ แต่ท้ายที่สุด ศาลอาญา ได้กำหนดวันอ่านคำพิพากษาอย่างเป็นทางการ ซึ่งตรงกับวันที่ 22 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ถือเป็นการปิดฉากกระบวนการที่ใช้เวลานานกว่าหนึ่งปีหลังการกลับสู่มาตุภูมิ

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองก่อนวันพิพากษา

บรรยากาศทางการเมืองในช่วงก่อนวันตัดสินคดี เริ่มมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้น เมื่อกลุ่มการเมืองทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายตรงข้าม ต่างจับตาคำพิพากษาในคดีนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ซึ่งมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของนายทักษิณ ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี คนปัจจุบัน

แม้รัฐบาลจะยังคงเดินหน้าในนโยบายหลักด้านเศรษฐกิจและต่างประเทศ แต่ประเด็นด้านจริยธรรมและคดีความของอดีตผู้นำ ก็กลายเป็นอุปสรรคในการสื่อสารกับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่ยังมีความอ่อนไหวต่อบทบาทของพรรคการเมืองและราชสำนัก

ฝ่ายความมั่นคงเตรียมประเมินสถานการณ์วันอ่านคำพิพากษา เพื่อป้องกันการรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุม โดยยังไม่ยืนยันว่าศาลจะอนุญาตให้นายทักษิณเดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง หรือรับฟังผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

ผลสะเทือนที่อาจเกิดขึ้นจากคำพิพากษา

คำตัดสินในวันที่ 22 สิงหาคม อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของปีการเมือง 2568 ไม่ว่าจะเป็นในมุมของ การยุติข้อกล่าวหา ซึ่งอาจถูกมองว่าเป็นการใช้กระบวนการกฎหมายอย่างเหมาะสม หรือหาก มีคำพิพากษาให้รับโทษจำคุก ก็จะเป็นกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรีถูกจำคุกจากคดี ม.112 เป็นครั้งแรก ซึ่งอาจจุดชนวนความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองและผู้สนับสนุน หรือสร้างความสั่นคลอนต่อความชอบธรรมของรัฐบาลปัจจุบัน

ในอีกมุมหนึ่ง นักวิเคราะห์มองว่าการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของ นายทักษิณ ถือเป็นความพยายามในการ “ปิดฉากอดีต” เพื่อให้ภาพลักษณ์ทางการเมืองของครอบครัวชินวัตรในรุ่นลูกรุ่นหลานสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีเสถียรภาพ

ภูมิใจไทย โต้เดือด เดชอิศม์ ยันไม่มีงบกระจุก

พิเชษฐ์ รับจบอีกแล้ว สั่งปิดประชุมสภาหนีการนับองค์ประชุม