นายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ส่งสัญญาณเข้มเดินหน้าแผน “No Drugs No Dealers” กำหนดกรอบเวลา 3 เดือน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทั่วประเทศ เร่งผลักดันนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ชี้หากพื้นที่ใดไร้ผลงาน สั่งพิจารณาโยกย้ายทันที หวังสร้างแรงกดดันเชิงนโยบาย เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ยาเสพติดที่ยังรุนแรงในหลายพื้นที่
แนวนโยบายดังกล่าวถูกเปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่จัดขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ท่ามกลางกระแสความกังวลต่อการแพร่ระบาดของยาเสพติดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เปิดแผน “No Drugs No Dealers” 90 วันเห็นผล
ในการแถลงต่อสื่อมวลชน ภูมิธรรม เวชยชัย ได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลมีความจริงจังในการเดินหน้าปราบปรามยาเสพติด โดยได้จัดตั้งชุดทำงานเฉพาะกิจร่วมกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และฝ่ายปกครองท้องถิ่น เพื่อเร่งติดตามผลในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
เขาให้กรอบเวลา 90 วัน แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ ในการรายงานผลความคืบหน้า โดยเน้นการปิดล้อม ตรวจค้น และตัดวงจรการค้ายาเสพติด ทั้งระดับผู้ผลิต ผู้ค้า และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ พร้อมระบุว่า หากไม่มีผลงานชัดเจนในระยะเวลาที่กำหนด จะมีการพิจารณาเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบทันที
“ถ้าพื้นที่ใดไม่ขยับ ไม่รายงานผล ไม่มีการเคลื่อนไหวเชิงรุก ก็ถือว่าไม่มีความพร้อมในการทำงาน” ภูมิธรรมกล่าว พร้อมย้ำว่านี่ไม่ใช่เพียงนโยบายเชิงประชาสัมพันธ์ แต่เป็นคำสั่งจากฝ่ายความมั่นคงที่ต้องลงมือปฏิบัติจริง

ปรับยุทธศาสตร์ใหม่ เน้นชุมชนร่วมสอดส่อง
ในแผนปฏิบัติการฉบับใหม่นี้ รัฐบาลยังเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยให้ความสำคัญกับกลไกระดับตำบลและหมู่บ้าน เช่น อสม., ผู้นำชุมชน, และ กรรมการหมู่บ้าน เพื่อให้เป็นหูเป็นตาและแจ้งเบาะแสอย่างรวดเร็ว
ภูมิธรรม ระบุว่า กลไกจากประชาชนเป็น “ตัวแปรสำคัญ” ในการสกัดวงจรยาเสพติดตั้งแต่ต้นทาง และรัฐบาลกำลังเร่งจัดทำระบบฐานข้อมูลกลางที่สามารถเชื่อมโยงเบาะแสจากพื้นที่กับการสืบสวนของตำรวจและ ป.ป.ส. ได้อย่างทันท่วงที
ขณะเดียวกัน กระทรวงยุติธรรมและกระทรวงมหาดไทย ยังได้รับมอบหมายให้เร่งทบทวนแนวทางการฟื้นฟูผู้ติดยา เพื่อให้แยกออกจากกระบวนการอาญา ลดภาระของเรือนจำ และช่วยให้ผู้ป่วยกลับคืนสู่สังคมอย่างยั่งยืน
พื้นที่เสี่ยงสูง ภาคเหนือ-อีสาน จับตาเข้ม
รายงานจาก สำนักงาน ป.ป.ส. ระบุว่า ขณะนี้มีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสูงสุดหลายแห่ง โดยเฉพาะใน ภาคเหนือ ที่ยังพบการลักลอบขนยาเสพติดจากชายแดนผ่านแนวเทือกเขา และใน ภาคอีสาน ซึ่งพบเครือข่ายผู้ค้าเชื่อมโยงกับกลุ่มอิทธิพลในหลายจังหวัด
รัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์ประสานการข่าวระหว่างหน่วยงาน เพื่อเร่งประมวลข้อมูลและขยายผลจากการจับกุมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีที่เชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินและการฟอกเงิน
นอกจากนี้ ในช่วงเดือนสิงหาคม รัฐบาลจะเริ่มเปิดเผย “พื้นที่ต้นแบบปลอดยาเสพติด” เพื่อเป็นตัวอย่างการดำเนินงานเชิงรุก และเป็นหลักประกันความโปร่งใสต่อสาธารณะ