วันที่ 23 ก.ค. 2568 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะแกนนำ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลถึงกระแสข่าวการร่วมงานกันของพรรคร่วมรัฐบาลในอนาคต โดยระบุว่า ความเป็นพรรคร่วมเสียงปริ่มน้ำจะยิ่งเป็นแรงผลักดันให้เกิดความสามัคคีมากยิ่งขึ้น พร้อมยืนยันว่า การแสดงความเห็นของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเพียงการแชร์ประสบการณ์ ไม่ใช่การครอบงำทางการเมือง
ทักษิณเสนอจับมือยาว พรรคเพื่อไทยรอผลเลือกตั้ง
นายสุริยะ กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร แสดงความเห็นในวงดินเนอร์กับพรรคร่วมรัฐบาลว่าต้องการจับมือกันไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะโดยปกติพรรคร่วมรัฐบาลเดิมมักจะมีแนวโน้มอยากร่วมงานกันอีกหลังการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งและจำนวนเสียง สะท้อนว่าไม่มีการตัดขาดพรรคการเมืองใดออกจากสมการล่วงหน้า
“หลังเลือกตั้ง ทุกฝ่ายก็ต้องประเมินผลก่อนว่าพรรคร่วมเดิมจะได้เสียงมากพอหรือไม่ ถ้าเพียงพอก็เดินหน้าต่อได้เลย แต่ถ้าไม่พอก็ต้องพูดคุยกับพรรคอื่นเพิ่มเติม ไม่ได้ปิดประตูใส่ พรรคภูมิใจไทย แต่อย่างใด”
เสียงปริ่มน้ำคือแรงกดดันให้พรรคร่วมแน่นแฟ้น
ต่อกรณีที่รัฐบาลชุดปัจจุบันมีเสียงปริ่มน้ำ และ นายทักษิณ แนะให้พรรคร่วมมีความสามัคคี พร้อมอ้างอิงประสบการณ์ดูแลเสียง ส.ส. เมื่อ 51 ปีก่อนนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า การมีเสียงไม่มากนักเป็นปัจจัยให้พรรคร่วมต้องระมัดระวังและทำงานร่วมกันอย่างแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
“ถ้าเสียงในสภามีมากเกินไป กลับอาจทำให้ประมาท แต่เสียงปริ่มน้ำทำให้ทุกพรรคต้องมีวินัย มีเป้าหมายร่วมกันชัดเจน ซึ่งส่งผลดีกว่าด้วยซ้ำในบางมิติ” นายสุริยะ กล่าว

ปัด ทักษิณ ครอบงำ แค่แชร์ประสบการณ์
เมื่อถูกตั้งข้อสังเกตว่า การที่ นายทักษิณ เข้าร่วมพูดในวงพรรคร่วมรัฐบาลอาจเข้าข่ายครอบงำ นายสุริยะ ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยย้ำว่าไม่มีส่วนใดที่เข้าข่ายการควบคุมชี้นำทางการเมือง เนื่องจากแต่ละพรรคยังมีคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้ตัดสินใจ และ นายทักษิณ เพียงเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในฐานะอดีตผู้นำที่เคยมีประสบการณ์
“สิ่งที่ท่านพูดคือการแชร์มุมมอง ไม่ใช่การบงการ ทุกอย่างยังอยู่ภายใต้การตัดสินใจของพรรคต่างๆ”
สถานะพ่อ-ลูกไม่เท่ากับการครอบงำ
เมื่อถูกถามถึงประเด็นที่ นายทักษิณ กล่าวในที่สาธารณะว่า “ได้ลูกมาเป็นนายกฯ และได้พ่อมาช่วยงานด้วย” จนทำให้บางฝ่ายตั้งคำถามถึงการครอบงำนั้น นายสุริยะ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของครอบครัวในการพูดคุยและแลกเปลี่ยนกัน พร้อมยืนยันว่าไม่มีการครอบงำทางการเมือง
“เรื่องพ่อลูกมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่การชี้นำทางการเมืองหรือแทรกแซงการทำงานของรัฐบาล”