นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนต่อกรณีพรรคภูมิใจไทยเรียกร้องให้ดำเนินการอย่างเท่าเทียมทุกคดี หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับเรื่องการขุดบ่อน้ำรุกพื้นที่สาธารณะในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทของครอบครัว นางสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เข้าสู่กระบวนการสอบสวน
พรรคภูมิใจไทยมองว่า DSI เร่งรัดเฉพาะบางคดี เช่น คดีที่ดินเขากระโดง และคดีฮั้ว สว. ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงต่อผู้บริหารพรรคภูมิใจไทย จึงขอให้รัฐบาลชี้แจงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและโปร่งใสต่อสังคม
ชี้คดี “ฮั้ว สว.” สะเทือนระบอบประชาธิปไตย
นายภูมิธรรมระบุว่า DSI ดำเนินการทุกคดีอย่างต่อเนื่อง แต่ยอมรับว่าคดีฮั้วการเลือกตั้งของวุฒิสภา (ฮั้ว สว.) เป็นเรื่องใหญ่ หากข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่าเกิดขึ้นจริง จะถือเป็นการบ่อนทำลายระบบกฎเกณฑ์และระบอบประชาธิปไตย จึงเป็นเหตุที่หน่วยงานต้องให้ความสำคัญสูงสุด

เขากระโดง : 10 ปี ยังไม่จบ
สำหรับคดีที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 5,000 ไร่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นคดีที่มีคำพิพากษาศาลฎีกาแล้ว แต่ยังติดขั้นตอนการดำเนินการตามคำสั่งศาล โดยคดีนี้ล่าช้ามากว่า 10 ปี จึงไม่อาจกล่าวได้ว่ามีการเร่งรัดผิดปกติ เพราะการคลี่คลายให้ชัดเจนเป็นสิ่งที่สังคมคาดหวัง
เขายังกล่าวเปรียบเทียบว่า แม้คดีของนางสุดาวรรณจะดำเนินการมาแล้ว 6 ปี แต่เมื่อเทียบกับคดีเขากระโดงที่ค้างคามากกว่านั้น ต้องพิจารณาตามความสำคัญและผลกระทบต่อสาธารณะ
รออธิบดีกรมที่ดินใหม่เคลื่อนไหว
เมื่อถูกถามถึงการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง นายภูมิธรรมย้ำว่าต้องรอการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ก่อนจึงจะดำเนินการได้ โดยยืนยันว่าเมื่อมีการแต่งตั้งแล้ว จะรีบดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาโดยทันที