ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่ตึงเครียด ส.ส.พรรคเพื่อไทย เตรียมเดินทางไปให้กำลังใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงซึ่งถูกยื่นถอดถอนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ความเคลื่อนไหวดังกล่าวกลายเป็นจุดจับตาของทั้งสังคมและแวดวงการเมือง ว่าจะส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลและอนาคตของพรรคเพื่อไทยอย่างไร หากผลตัดสินไม่เป็นคุณต่อผู้นำรัฐบาล ขณะที่ฝ่ายการเมืองอนุรักษนิยมถูกมองว่ากำลังใช้แรงกดดันผลักดันเกมเปลี่ยนขั้วและอาจเปิดทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีโอกาสกลับคืนเวทีการเมืองอีกครั้ง
บรรยากาศในหมู่ ส.ส.เพื่อไทย แม้จะมีความกังวล แต่ยังคงเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกจากตระกูลชินวัตรจะสามารถรอดพ้นข้อกล่าวหาในครั้งนี้ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากความพยายามสร้างขวัญกำลังใจในพรรคที่ยังคงเข้มแข็ง แม้จะมีข่าวลือหลายกระแส ทั้งการไม่ให้ไปต่อ หรือศาลอาจยกคำร้องก็ตาม
ด้าน สมาชิกวุฒิสภาสายอนุรักษนิยม ได้ยื่นถอดถอนนายกฯแพทองธาร โดยใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) ที่ว่าด้วยคุณสมบัติและมาตรฐานจริยธรรมของรัฐมนตรี ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่มีน้ำหนักและสามารถตีความได้กว้าง ทำให้ฝ่ายการเมืองจำนวนมากมองว่าเป็น “ดาบสองคม” ที่พร้อมจะโค่นผู้นำรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทยทุกเมื่อ
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสูงสุดของพรรคเพื่อไทยยังคงวางใจในบทบาทของ “เนติบริกร” อดีตรองนายกรัฐมนตรีผู้ช่ำชองกฎหมาย ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าทีมกฎหมายของอดีตนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน แม้จะเคยพ่ายคดีจนเศรษฐาต้องพ้นจากตำแหน่งเมื่อปี 2567 แต่การเปลี่ยนตัวผู้นำมาเป็นแพทองธารก็ถูกมองว่าเป็นผลจากปัจจัยทางการเมืองที่มากกว่าการต่อสู้ในเชิงกฎหมาย
ครบหนึ่งปีในตำแหน่ง นายกฯแพทองธาร ยังคงเผชิญแรงกดดันจากทั้งในและนอกสภา เกมการเมืองในศาลรัฐธรรมนูญถูกจับตามองว่าอาจซ้ำรอยอดีตผู้นำจากตระกูลชินวัตร แต่ นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ยังคงมั่นใจว่าลูกสาวจะผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ และไม่จำเป็นต้องส่งไม้ต่อให้ ชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งยังมีปัญหาสุขภาพ
ขณะเดียวกัน สถานการณ์คดีความที่เกี่ยวพันกับ ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะคดีมาตรา 112 ที่รอดพ้นมาได้ รวมถึงคดีที่ศาลฎีกาฯ เตรียมวินิจฉัยในวันที่ 9 กันยายน 2568 ยังคงเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญ หากทั้งแพทองธารและทักษิณรอดพ้นทุกคดี ก็เปรียบเสมือน “พยัคฆ์ติดปีก” ให้พรรคเพื่อไทยเดินหน้าบริหารประเทศโดยไร้อุปสรรคใหญ่
แต่หากผลวินิจฉัยกลับตาลปัตร ทำให้นายกฯแพทองธารต้องพ้นตำแหน่ง การเสนอชื่อชัยเกษมในสภาอาจไม่ผ่านแรงต้านจากฝ่ายอนุรักษนิยม และเปิดทางให้ พรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับคืนสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้จะเหลือวาระตามรัฐธรรมนูญไม่ถึง 2 ปี แต่เพียงพอที่จะก่อรูป “รัฐบาลเฉพาะกิจ” ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ครั้งใหม่
นักวิเคราะห์ทางการเมืองบางส่วนมองว่านี่อาจเป็นเพียง “เกมปล่อยข่าว” เพื่อกดดันพรรคเพื่อไทยและสร้างเงื่อนไขต่อรองก่อนศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ขณะที่ฝ่ายเพื่อไทยเชื่อว่า “นายใหญ่” ไม่ควรเสี่ยงเดินเข้าสู่ฉากทัศน์ดังกล่าว หากไม่ปรากฏสัญญาณพิเศษทางการเมือง
ข้อมูลจาก : bangkokbiznews