วันที่ 9 กันยายนนี้ เป็นอีกหนึ่งวันสำคัญทางการเมืองที่หลายฝ่ายเฝ้ารอ เมื่อ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีนัดฟังคำสั่งในคดีบังคับโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องการเข้าพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ท่ามกลางกระแสจับตาว่าเจ้าตัวจะเดินทางมาศาลด้วยตนเองหรือไม่ หลังเพิ่งเดินทางกลับจากดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา
การเดินทางออกนอกประเทศและความสนใจจากสังคม
เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา นายทักษิณ ชินวัตร ได้โดยสารเครื่องบินส่วนตัวรุ่น Bombardier Global 7500 ออกจากสนามบินดอนเมือง โดยแจ้งว่าจะเดินทางไปประเทศสิงคโปร์เพื่อรับการตรวจสุขภาพ อย่างไรก็ตาม เครื่องบินไม่ได้ลงจอดที่สิงคโปร์ แต่ไปลงที่นครดูไบแทน ซึ่งสร้างความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก โดยมีผู้ติดตามเส้นทางการบินผ่านเว็บไซต์ Flightradar24 สูงถึงกว่า 20,000 คน ถือเป็นอันดับหนึ่งของโลกในวันนั้น
วันถัดมา นายทักษิณได้ชี้แจงผ่านแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์เดิม) ว่า สาเหตุที่ไม่ได้ไปถึงสิงคโปร์ตามแผน เนื่องจากขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองในประเทศไทยล่าช้าเกือบ 2 ชั่วโมง จนเครื่องไม่สามารถลงจอดที่สนามบินสิงคโปร์ได้ทันเวลา จึงตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางไปยังดูไบ เพื่อพบแพทย์และเพื่อนเก่า พร้อมย้ำว่าจะกลับประเทศไทยไม่เกินวันที่ 8 กันยายน เพื่อเดินทางไปศาลตามกำหนดในวันที่ 9 กันยายน

การกลับประเทศไทยและการจับตาทางการเมือง
เมื่อวันที่ 8 กันยายน เวลา 20.45 น. ตามเวลาท้องถิ่น ดูไบ มีรายงานว่าเครื่องบินส่วนตัวของนายทักษิณ ได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติอัลมักตูมไปยังสิงคโปร์ ก่อนบินต่อกลับประเทศไทย โดยเครื่องลงจอดที่สนามบินดอนเมืองในเวลา 14.54 น. วันเดียวกัน จากนั้นเจ้าตัวได้ขึ้นรถยนต์หรู Mercedes-Maybach เดินทางกลับยังบ้านพักจันทร์ส่องหล้า
การกลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้กระแสข่าวการเมืองร้อนแรงยิ่งขึ้น แต่ยังเพิ่มแรงกดดันต่อกระบวนการยุติธรรม เพราะในวันรุ่งขึ้น ศาลฎีกาฯ จะมีการพิจารณาสำคัญเกี่ยวกับประเด็นการเข้าพักรักษาตัวของนายทักษิณ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่องว่าสอดคล้องกับกฎหมายหรือไม่ จึงเป็นที่จับตาว่านายทักษิณจะปรากฏตัวในศาลเพื่อฟังคำสั่งด้วยตนเองตามที่ประกาศไว้หรือไม่
ความสำคัญของคำสั่งศาลในวันที่ 9 กันยายน
คดีบังคับโทษครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญของระบบยุติธรรมและการเมืองไทย เนื่องจากเกี่ยวพันโดยตรงกับสถานะของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้มีอิทธิพลทางการเมืองสูง การตัดสินของศาลฎีกาจะไม่เพียงกำหนดทิศทางทางกฎหมายของนายทักษิณ แต่ยังสะท้อนภาพลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรมไทยต่อสายตาสาธารณชนทั้งในและต่างประเทศ
ประชาชนและสื่อมวลชนต่างเตรียมติดตามอย่างใกล้ชิดว่า ผลการพิจารณาของศาลฎีกาในวันที่ 9 กันยายนนี้ จะออกมาในทิศทางใด และส่งผลต่อการเมืองไทยในอนาคตอย่างไร