เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2568 เวลา 12.10 น. ที่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เตรียมนำ “โป๊กเกอร์” กลับไปจัดเป็นการพนัน ว่าเรื่องดังกล่าวไม่ควรถูกให้ความสำคัญเกินไป พร้อมย้ำว่าโป๊กเกอร์ได้รับการยอมรับในระดับสากลแล้ว และกำลังจะถูกบรรจุเข้าสู่การแข่งขันในกีฬานานาชาติ รวมถึงโอลิมปิกในอนาคต
แนะหันมาสนใจปัญหาใหญ่ระดับประเทศ
นายภูมิธรรม ระบุว่า ว่าที่รัฐมนตรีมหาดไทยคนใหม่ไม่ควรจดจ่ออยู่กับเรื่องเล็กน้อยหรือการใช้มุมมองอคติในการตัดสินเรื่องการพนัน แต่ควรหันไปทุ่มเทความสนใจกับประเด็นใหญ่ของประเทศ เช่น คดีเขากระโดง การตรวจสอบการ ฮั้วเลือก ส.ว. และการแก้ปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และความเชื่อมั่นต่อระบบการเมืองของประเทศ
เขากล่าวด้วยว่า “อย่าใช้อคติมาตัดสินใจ ขอให้ไปสนใจในเรื่องของเขากระโดง ฮั้ว ส.ว. หรือเรื่องยาเสพติด จะดีกว่า” พร้อมย้ำว่าการตัดสินใจในเรื่องเหล่านี้จะสะท้อนถึงความจริงใจของรัฐบาลใหม่ในการจัดการกับปัญหาที่แท้จริงของสังคม
ย้ำเขากระโดงต้องกลับคืนเป็นของหลวง
นายภูมิธรรม กล่าวถึงกรณีพิพาทที่ดินเขากระโดงในจังหวัดบุรีรัมย์ว่า กระบวนการใกล้จะได้ข้อสรุปแล้ว และที่ดินดังกล่าวต้องกลับคืนเป็นของรัฐ ไม่อาจตีความเป็นอย่างอื่นได้ หากจะดำเนินการในทิศทางใดที่แตกต่างไป จำเป็นต้องให้รัฐสภาตรวจสอบอย่างโปร่งใส พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ว่าที่รัฐมนตรีมหาดไทยซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวควรระมัดระวังในการจัดการ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย
จับตา “ฮั้วเลือก ส.ว.” และบทบาท กกต.
ในประเด็น การเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นายภูมิธรรม ระบุว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการทำงานของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่กำลังตรวจสอบกรณีการฮั้วเลือกตั้ง ซึ่งใกล้จะสิ้นสุดกระบวนการแล้ว แต่ยังคงติดค้างอยู่ที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เขาเน้นว่ารัฐบาลควรแสดงท่าทีชัดเจนในการผลักดันให้การตรวจสอบดำเนินไปอย่างรวดเร็วและโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

วิจารณ์แผนโยกย้ายข้าราชการ มท.
สำหรับกรณีที่ นายอนุทิน ยอมรับว่ามีแผนโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทยรอบใหม่ นายภูมิธรรมแสดงความเห็นว่า การโยกย้ายควรมีเหตุผลที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง พร้อมย้ำว่าการปรับตำแหน่งที่ตนเคยดำเนินการนั้นสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด และทำไปเพื่อความเหมาะสมในการบริหารราชการ มิใช่เพื่อเอื้อประโยชน์ส่วนตน
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า การโยกย้ายผู้บริหารในระดับสูง เช่น อธิบดีกรมต่าง ๆ ควรยึดหลักคุณธรรมและประสิทธิภาพการทำงาน ไม่ใช่การอ้างเหตุผลด้าน “ความเป็นธรรม” โดยปราศจากข้อเท็จจริงรองรับ และไม่ควรสร้างความหวาดระแวงให้แก่ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างสุจริต
การโยกย้ายผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ยังไม่เกิดขึ้น
นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงกระแสข่าวการโยกย้าย ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ว่ายังไม่มีการดำเนินการใด ๆ แม้จะมีการปรับตำแหน่งในบางหน่วยงาน เช่น กรมการปกครอง ซึ่งผู้ที่ขึ้นมาเป็นอธิบดีมีเส้นทางการเติบโตในตำแหน่งรวดเร็วเกินไป เขาเน้นว่าการโยกย้ายทั้งหมดต้องมีเหตุผลอธิบายได้ และไม่ใช่เรื่องที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง


