วันที่ 26 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล มีการเคลื่อนย้าย รูปปั้นนรสิงห์จำลอง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของตึกไทยคู่ฟ้า กลับจากตึกแสงอาทิตย์ไปยังตึกไทยคู่ฟ้าอีกครั้ง โดย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้ร่วมอัญเชิญและตั้งรูปปั้นด้วยตนเองบนระเบียงชั้น 2 การย้ายครั้งนี้สะท้อนถึงการรื้อฟื้นบรรยากาศแบบยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังจากที่สมัยรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน เคยย้ายไปไว้ที่ตึกแสงอาทิตย์เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566

พิธีเคลื่อนย้ายรูปปั้นนรสิงห์

รูปปั้นนรสิงห์ถูกเคลื่อนย้ายโดยใช้รถตู้เบนซ์สีดำ ทะเบียน 1 นช 4268 กรุงเทพมหานคร จากตึกแสงอาทิตย์ที่อยู่ติดกับตึกนารีสโมสร มายังตึกไทยคู่ฟ้า โดยมีเจ้าหน้าที่ทำพิธีอัญเชิญอย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะมีการนำขึ้นไปยังระเบียงชั้น 2

เวลา 12.47 น. อนุทิน ชาญวีรกูล ได้อุ้มรูปปั้นนรสิงห์จำลองด้วยตนเอง ก่อนนำไปตั้งชิดกำแพงด้านซ้ายของระเบียงตึกไทยคู่ฟ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศที่ตั้งของบ้านพิษณุโลก พร้อมคล้องพวงมาลัยถวาย โดยตำแหน่งใหม่นี้มีการขยับจากจุดที่เคยตั้งไว้ในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อยู่ทางมุมขวามือของระเบียง

ความหมายของนรสิงห์กับทำเนียบรัฐบาล

“นรสิงห์” ถือเป็นสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม เนื่องจากเกี่ยวโยงกับกรมมหรสพในอดีต ซึ่งมีนรสิงห์เป็นตราประจำกรม การตั้งรูปปั้นนรสิงห์ไว้ที่ตึกไทยคู่ฟ้าจึงไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและการปกครอง แต่ยังเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นสิริมงคลของทำเนียบรัฐบาล

การย้ายรูปปั้นครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการรื้อฟื้นสัญลักษณ์ที่คุ้นเคยของตึกไทยคู่ฟ้าในสายตาประชาชนและบุคลากรทางการเมือง โดยเฉพาะในยุคที่รัฐบาลใหม่เข้ามารับตำแหน่ง การคืนรูปปั้นกลับไปยังที่เดิมจึงถูกมองว่าเป็นการสืบต่อความหมายและขนบประเพณีทางการเมืองไทย

ประวัติบ้านนรสิงห์และตึกไทยคู่ฟ้า

ทำเนียบรัฐบาลในปัจจุบัน เดิมเป็น “บ้านนรสิงห์” สมบัติของตระกูลพึ่งบุญ ณ อยุธยา โดยสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เพื่อพระราชทานแก่ พระยาประสิทธิ์ศุภการ (หม่อมหลวงเฟื้อง พึ่งบุญ ณ อยุธยา) ผู้ซึ่งต่อมาได้รับบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยารามราฆพ ขณะดำรงตำแหน่งบัญชาการกรมมหรสพ

บ้านนรสิงห์ถูกปรับปรุงและใช้เป็นทำเนียบรัฐบาลเรื่อยมา จนกลายเป็นศูนย์กลางการบริหารประเทศ และตึกไทยคู่ฟ้าได้กลายเป็นที่ทำงานอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี สัญลักษณ์นรสิงห์จึงผูกพันกับประวัติศาสตร์การเมืองไทยมาอย่างยาวนาน