วันที่ 2 ตุลาคม 2568 เวลา 20.00 น. เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เบน สมิธ” ออกแถลงการณ์เป็นภาษาไทย ความยาวกว่า 2 หน้ากระดาษ เพื่อยืนยันว่าตน ครอบครัว และธุรกิจ ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการใส่ร้ายและบิดเบือนข้อมูลจากสื่อต่างประเทศ โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน ค้ามนุษย์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมประกาศเดินหน้าฟ้องร้องผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องเกียรติและชื่อเสียงของตนในประเทศไทย
ปัดข้อกล่าวหาอาชญากรรม ชี้เป็นเรื่องบิดเบือน
เบน สมิธ ระบุว่า ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ตนและครอบครัวถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม โดยมีการสร้างภาพให้ตนเป็น “อาชญากรหนีคดี” ทั้งที่ความจริงไม่เคยมีคดีอาญาใด ๆ ในประวัติชีวิต เขายืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศนิวซีแลนด์เมื่อช่วงเริ่มทำงาน ก็ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐแล้ว และสรุปว่าไม่ใช่การกระทำความผิดทางอาญา
นอกจากนี้ เขายังชี้แจงว่า ข้อกล่าวหาที่พาดพิงถึงกระบวนการฟอกเงิน ค้ามนุษย์ในกัมพูชา และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นเพียง “การกุเรื่อง” โดยไม่มีหลักฐานยืนยัน พร้อมย้ำว่าไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ขณะเดียวกันยังปฏิเสธการเชื่อมโยงกับบริษัท Tiantian Ventures ที่ถูกสื่อบางแห่งอ้างถึง โดยยืนยันว่าไม่ใช่บุคคลในภาพถ่าย และไม่เคยถูกสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษ

โวยเป็นเหยื่อการเมือง-ย้ำทำธุรกิจโปร่งใส
ในการแถลงการณ์ เบน สมิธ ระบุว่า ตนกำลังตกเป็น “เหยื่อทางการเมือง” จากการโจมตีที่ใช้วิธีการสกปรกเพื่อทำลายชื่อเสียง เขาย้ำว่าตนเป็นพลเมืองที่เคารพกฎหมายของทุกประเทศที่พำนัก ทำธุรกิจ และเดินทาง โดยเฉพาะในประเทศไทยที่เขาภูมิใจที่ได้เป็นผู้ประกอบการที่โปร่งใส
เขาเสริมว่า สื่อมวลชนต่างประเทศรายหนึ่งเผยแพร่ข้อความโจมตีกว่า 130 ครั้งภายในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีการนำหนังสือเดินทางของตนไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและอาจเสี่ยงต่อการโจรกรรมข้อมูล
เดินหน้าฟ้องร้อง-ขอความเป็นธรรม
เบน สมิธ ยืนยันว่าได้เริ่มกระบวนการทางกฎหมายต่อสื่อและบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยพร้อมนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรม ขณะเดียวกันยังเรียกร้องให้หน่วยงานระหว่างประเทศอย่าง ICIJ และ OCCRP ตรวจสอบเบื้องหลังของการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจบิดเบือน เพื่อปกป้องความน่าเชื่อถือของวงการสื่อ
เขาทิ้งท้ายว่า ขอต่อประชาชน หน่วยงานรัฐ และสื่อมวลชนไทยให้กลั่นกรองข้อเท็จจริงก่อนนำเสนอหรือเผยแพร่ข้อมูล พร้อมประกาศสงวนสิทธิในการดำเนินคดี หากยังมีการคุกคามที่กระทบต่อครอบครัวและธุรกิจของตน


