เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวระหว่างร่วมงานรำลึก 6 ตุลาคม ว่ายอมรับเสียงสะท้อนจากประชาชนบางส่วนที่รู้สึกผิดหวังต่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ยืนยันการตัดสินใจดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเปิดทางสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น พร้อมย้ำจุดยืนในการปฏิรูปกองทัพและยุติวงจรรัฐประหารที่สร้างความสูญเสียซ้ำซาก

เดินหน้าผลักดันรัฐธรรมนูญใหม่

หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งต่างฝากความหวังให้พรรคประชาชนสร้างการเมืองที่มีความหวังและยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

นายณัฐพงษ์ ยอมรับว่าแม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนบางส่วนต่อการโหวตนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา แต่ยืนยันว่าการตัดสินใจนั้นมุ่งไปสู่เป้าหมายใหญ่คือ “การร่างรัฐธรรมนูญใหม่” เพื่อสร้างโครงสร้างทางการเมืองที่ยั่งยืน เป็นประชาธิปไตย และป้องกันการรัฐประหารที่ทำลายเสถียรภาพประเทศในอดีต

เขาระบุว่า การเดินหน้าผลักดันรัฐธรรมนูญใหม่นั้น เป็นสิ่งที่พรรคประชาชนเห็นว่าเป็น “หัวใจของการปฏิรูปประเทศ” เพื่อให้การปกครองเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง และให้กลไกต่างๆ ในรัฐสภาเป็นเครื่องมือของประชาชน ไม่ใช่กลไกของกลุ่มอำนาจ

เน้น “ที่มาผู้ยกร่างฯ” และ “โครงสร้างองค์กรอิสระ”

นายณัฐพงษ์อธิบายว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นการกำหนดที่มาของคณะผู้ยกร่างฯ ซึ่งต้องเปิดกว้างให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือ “เนื้อหาภายในรัฐธรรมนูญ” ที่ต้องจัดระบบองค์กรอิสระใหม่ ไม่ให้กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือใช้ทำลายฝ่ายตรงข้าม

เขากล่าวว่า พรรคประชาชนจะเดินหน้าทำความเข้าใจกับประชาชนทุกภาคส่วน เพื่ออธิบายเนื้อหาและแนวทางของรัฐธรรมนูญใหม่อย่างละเอียดและโปร่งใส โดยเน้นให้เห็นว่าการปรับโครงสร้างองค์กรอิสระเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้กลไกตรวจสอบสามารถทำงานได้จริง ปราศจากการแทรกแซง

“สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคือรัฐธรรมนูญที่ไม่ถูกใช้เป็นอาวุธทางการเมือง แต่เป็นเครื่องมือในการปราบปรามการทุจริตและสร้างธรรมาภิบาลอย่างแท้จริง” เขากล่าว

รับประเมินแล้ว ส.ว.มีสิทธิเบรก แต่เชื่อเสียงประชาชนคือคำตัดสิน

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จะขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หัวหน้าพรรคประชาชนยอมรับว่ามีการประเมินสถานการณ์ไว้แล้ว แต่เชื่อว่าหน้าที่ของทุกพรรคการเมือง รวมถึงนายกรัฐมนตรี คือการส่งเสียงเรียกร้องไปยัง ส.ว. ให้ตระหนักว่าการร่างรัฐธรรมนูญใหม่เป็นความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่

นายณัฐพงษ์ กล่าวย้ำว่า “สุดท้ายแล้ว คนที่จะตัดสินใจคือประชาชน ผ่านการออกเสียงประชามติ” พร้อมแสดงความมั่นใจว่าหากทุกพรรคการเมืองร่วมกันผลักดัน กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเดินหน้าได้โดยไม่สะดุด

เขายังกล่าวถึงการอภิปรายในสภาที่ฝ่ายค้านพุ่งเป้าไปยัง ส.ว. ว่าเป็นส่วนหนึ่งของบทบาทการตรวจสอบรัฐบาล แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายสามารถแยกแยะได้ระหว่างการอภิปรายทางการเมืองกับการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกรัฐสภา ซึ่งต้องร่วมกันโหวตรับหลักการ เพื่อเปิดทางให้ร่างรัฐธรรมนูญทุกฉบับเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า