“ธนดล” ยันชัด “เบน สมิธ” คนละคนกับสแกมเมอร์ ท้า “โรม” ถ้ามีหลักฐานให้แจ้งความ

วันที่ 9 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภานายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ทีมที่ปรึกษาของ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ กรณีถูกเชื่อมโยงกับ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ โดยยืนยันว่า “เบน สมิธ” ที่รู้จักกับร้อยเอกธรรมนัส เป็นคนละคนกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาในคดีฉ้อโกง พร้อมประกาศขอใช้ชื่อเสียงเป็นประกัน ท้า นายรังสิมันต์ โรม หากมีหลักฐานให้ไปแจ้งความดำเนินคดี

ยืนยันรู้ทุกเรื่องความสัมพันธ์ “เบน สมิธ–ธรรมนัส” ชี้แจงแทนได้ตามกฎหมาย

นายธนดล เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือเชิญให้ ร้อยเอกธรรมนัส มาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเจ้าตัวติดภารกิจลงพื้นที่น้ำท่วมจังหวัดนครสวรรค์ จึงมอบหมายให้ตนเข้าชี้แจงแทน โดยย้ำว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากพระราชบัญญัติอำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการเปิดช่องให้รัฐมนตรีสามารถมอบหมายผู้แทนได้

ทั้งนี้ นายธนดลระบุว่า ตนรอเจ้าหน้าที่ที่รัฐสภากว่า 40 นาที แต่ไม่มีการติดต่อหรือแจ้งขั้นตอนใด ๆ ทำให้ไม่สามารถเข้าชี้แจงได้ พร้อมตั้งคำถามว่า หากเรียกบุคคลในตำแหน่งรัฐมนตรี เช่น นายกรัฐมนตรี แล้วเจ้าตัวติดภารกิจ จะไม่สามารถส่งผู้แทนมาได้เลยหรือไม่ ถือเป็นประเด็นที่ควรทบทวนในกระบวนการทำงานของกรรมาธิการ

โต้ “เบน สมิธ” ไม่ใช่สแกมเมอร์ – พร้อมเอาชื่อเสียงรับประกัน

นายธนดล ยืนยันว่า ได้ตรวจสอบเอกสารและหลักฐานทั้งหมดแล้วว่า “เบน สมิธ” ที่รู้จักกับ ร้อยเอกธรรมนัส เป็นคนละคนกับบุคคลที่ นายรังสิมันต์ โรม กล่าวถึง โดยกล่าวว่า “ผมเห็นกับตาเองว่าเป็นคนละคนแน่นอน ยืนยันได้ 100% พร้อมเอาชื่อเสียงรับประกัน”

เขายังอ้างถึงกรณี สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อปี 2562 ที่ตรวจสอบนายเบนจามิน เบอร์เจอร์ เกี่ยวกับการขายหุ้นบริษัทเทียนเทียน โดยชี้ว่าคนที่กระทำผิดใช้ชื่อปลอม ไม่ใช่บุคคลเดียวกับเบน สมิธ ที่ตนรู้จัก และคดีดังกล่าวก็เข้าสู่กระบวนการศาลแล้ว

ท้า “โรม” หากมีหลักฐานให้แจ้งความ ไม่ต้องพูดรายวัน

ต่อกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม กล่าวอ้างว่าเบน สมิธมีความเชื่อมโยงกับทุนสีเทาในพื้นที่ชายแดน นายธนดลตอบโต้ว่า “เกี่ยวอะไรกับร้อยเอกธรรมนัส” พร้อมยืนยันว่าหากมีหลักฐานจริงให้ไปแจ้งความ ไม่ใช่กล่าวหาผ่านสื่อรายวัน เพราะอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเบน สมิธเป็นสแกมเมอร์หรือกลุ่มคอลเซ็นเตอร์

เขากล่าวต่อว่า “ถ้าเบน สมิธ ไม่ได้เป็นทุนสีเทาจริง คุณโรมต้องรับผิดชอบ” พร้อมระบุว่า ตนมีเอกสารหลักฐานครบทุกอย่างที่พร้อมชี้แจงต่อกรรมาธิการ และย้ำว่าการรู้จักกันระหว่างเบน สมิธ และร้อยเอกธรรมนัส เป็นเพียงความสัมพันธ์ในเชิงพี่น้อง ไม่มีธุรกิจใดร่วมกันทั้งสิ้น

แจงไม่มีหมายแดง – เข้าเมืองไทยได้ปกติ

นายธนดล เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบพบว่า “เบน สมิธ” ไม่เคยมีหมายจับหรือหมายแดงของตำรวจสากล (Interpol) และไม่เคยถูกพิพากษาคดีใดในประเทศไทย จึงสามารถเดินทางเข้าออกประเทศได้ตามปกติ พร้อมย้ำว่าเป็นนักธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย

สำหรับกรณีข่าวลือเรื่องการขอสัญชาติไทย นายธนดลระบุว่า การยื่นขอสัญชาติของเบน สมิธ เคยถูกตีกลับเพราะปัญหาเอกสารจากบุตรชายที่ระบุสัญชาติไม่ตรง จึงต้องกลับไปแก้ไขและสามารถยื่นใหม่ได้ตามสิทธิ์

ไม่กังวลทัวร์ลง – ลั่นทำทุกอย่างตามกฎหมาย

นายธนดล กล่าวทิ้งท้ายว่า ไม่กังวลต่อกระแสโจมตีที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นทั้งที่ปรึกษาของร้อยเอกธรรมนัสและทนายความของเบน สมิธ เพราะไม่ได้ทำผิดกฎหมาย และได้รับค่าตอบแทนถูกต้องตามระเบียบ พร้อมระบุว่า หากมีการพาดพิงร้อยเอกธรรมนัสในทางเสียหาย ก็เตรียมดำเนินคดีตามกฎหมาย

“ผมทำหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ได้มีใครจ้างมาปกป้องใคร และไม่ใช่คนที่ทำผิดหรือเกี่ยวข้องกับทุนสีเทา การเล่นการเมืองควรอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง ไม่ใช่การสร้างวาทกรรมโจมตี” นายธนดลกล่าวย้ำ

อนุทินพยักหน้ารับ ถูกจับตาคุมมั่นคงเอง หลังเหตุระเบิดต่อเนื่องในภาคใต้