บวรศักดิ์ เปิดไทม์ไลน์ ยุบสภา 31 ม.ค. 69 เลือกตั้งใหม่ 29 มี.ค.

วันที่ 15 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา ถึง ไทม์ไลน์การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และแนวทางการจัดประชามติ โดยคาดว่าจะ ยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 และจัดให้มี การเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 29 มีนาคม 2569 ซึ่งอาจจัดพร้อมกับการทำประชามติ เพื่อประหยัดงบประมาณและให้เป็นไปตามข้อตกลง (MOA) ที่รัฐบาลได้ลงนามไว้ก่อนหน้านี้

ชี้ไทม์ไลน์แก้รัฐธรรมนูญและการจัดทำประชามติ

บวรศักดิ์ ระบุว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญอยู่ภายใต้หมวด 15/1 ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐสภา ส่วนการทำประชามติเป็นขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดเจน โดย ประธานรัฐสภาต้องส่งร่างรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการกำหนดวันออกเสียงและคำถามประชามติ การจัดทำไทม์ไลน์ครั้งนี้อ้างอิงจาก 3 กฎหมายหลัก ได้แก่ รัฐธรรมนูญปี 2560, พระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติปี 2564, และ ข้อตกลง MOA ซึ่งกำหนดให้ยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา หรือภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 จากนั้นต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45–60 วัน ซึ่งวันที่เหมาะสมที่สุดคือ วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2569

ยุบสภา 31 ม.ค. 69 ก่อนจัดเลือกตั้ง 29 มี.ค. 69

บวรศักดิ์ ชี้ว่า หากดำเนินการตาม MOA ดังกล่าว รัฐบาลจะต้อง ยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 เพื่อให้สามารถจัดเลือกตั้งได้ภายในกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งคาดว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันที่ 29 มีนาคม 2569 โดยจะต้องพิจารณาควบคู่กับการจัดทำประชามติ เพื่อความสอดคล้องของกระบวนการ ทั้งนี้ การทำประชามติถือเป็นเงื่อนไขตาม มาตรา 256 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งระบุว่า หากมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องผ่านการออกเสียงของประชาชน โดยกฎหมายประชามติฉบับปัจจุบันกำหนดให้วันออกเสียงต้องไม่เร็วกว่าช่วงเวลา 90–120 วัน หลังจากประธานรัฐสภาแจ้งต่อนายกรัฐมนตรี

ชงจัดประชามติควบเลือกตั้ง ประหยัดงบ 6,000 ล้านบาท

รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หากจัดการเลือกตั้งและการประชามติแยกกัน จะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 6,000 ล้านบาท ดังนั้น เพื่อประหยัดงบและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ จึงเสนอให้จัด ประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง ในวันที่ 29 มีนาคม 2569 เพื่อให้ดำเนินการได้ทันตามกรอบเวลา รัฐสภาจะต้องลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระที่ 3 ภายในวันที่ 15–20 ธันวาคม 2568 เพื่อเปิดทางให้ประธานรัฐสภาแจ้งต่อนายกรัฐมนตรีและหารือกับ กกต. ในการกำหนดวันทำประชามติให้สอดคล้องกับวันเลือกตั้ง หากใช้กฎหมายประชามติใหม่ จะมีเวลาพิจารณามากขึ้น ในกรณีที่มีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติฉบับปี 2568 ซึ่งอยู่ระหว่างการทูลเกล้าฯ การดำเนินการของรัฐสภาจะมีเวลาเพิ่มขึ้น เนื่องจากร่างใหม่กำหนดให้กำหนดวันทำประชามติได้ภายใน 60 วัน จากเดิม 90 วัน

หากเป็นไปตามนี้ รัฐสภาจะสามารถลงมติใน ช่วงวันที่ 15–19 มกราคม 2569 โดยจะเหลือเวลาให้ ประธานรัฐสภาจัดทำคำอธิบายสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ และให้รัฐบาลหารือกับ กกต. เพื่อกำหนดวันทำประชามติที่ตรงกับวันเลือกตั้ง ย้ำเป็นไปตาม MOA รัฐบาลไม่ก้าวล่วงกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ บวรศักดิ์ ยืนยันว่า ไทม์ไลน์ดังกล่าวเป็นเพียงกรอบการทำงานตาม ข้อตกลง MOA ซึ่งรัฐบาลและรัฐสภาจะต้องประสานงานกันอย่างรอบคอบ โดยไม่ก้าวล่วงเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ เพื่อให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยและได้รับความเห็นชอบจากประชาชนอย่างแท้จริง

ส.ส. ประชาชน จวก! โยกย้ายผู้ว่า 3 จังหวัด ขวางพัฒนาพื้นที่

สม รังสี แฉ ฮุน เซน อยู่เบื้องหลังอาชญากรรมไซเบอร์ระดับโลก