การประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ลงมติเลือกให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอโดย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็น “ร่างหลัก” ด้วยคะแนน 300 ต่อ 287 เสียง เหนือร่างของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หลังมีการโต้เถียงและนับคะแนนใหม่แบบขานชื่อ ใช้เวลาพิจารณากว่า 2 ชั่วโมง โดยมี พรรคเพื่อไทย เทคะแนนสนับสนุนร่างของพรรคประชาชน

ศึกเดือดกลางสภา คะแนนสูสีต้องขานชื่อใหม่

บรรยากาศการประชุมร่วมของรัฐสภาในวันดังกล่าวเป็นไปอย่างเข้มข้น หลังจากก่อนหน้านี้ที่ประชุมได้ผ่านหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ พรรคประชาชน และ พรรคภูมิใจไทย เพื่อเพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เมื่อเข้าสู่การลงมติเลือกร่างใดจะเป็น “ร่างหลัก” ปรากฏว่าผลจากเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ออกมาเท่ากันที่ 290 เสียง

ภายหลังการตรวจสอบพบว่า ยังมีสมาชิกบางส่วนที่ขาดชื่อในระบบ จึงมีการรวมคะแนนเพิ่มเติมได้ผลว่า ร่างของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล มีคะแนนนำเล็กน้อย 297 ต่อ 292 เสียง ทำให้ร่างของภูมิใจไทยถูกใช้เป็นร่างหลักชั่วคราว อย่างไรก็ตาม สมาชิกหลายฝ่าย โดยเฉพาะจาก พรรคประชาชน และ พรรคเพื่อไทย ได้คัดค้าน พร้อมเสนอให้มีการลงคะแนนใหม่ด้วยวิธี “ขานชื่อ” เพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้

“วันมูหะมัดนอร์” สั่งขานชื่อใหม่ ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้วินิจฉัยตามข้อบังคับว่า เนื่องจากผลคะแนนมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยและมีข้อสงสัยเรื่องการเสียบบัตรลงคะแนน จึงให้ที่ประชุมลงมติใหม่ด้วยการ “ขานชื่อ” ทีละคน ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้เมื่อเกิดข้อโต้แย้งเรื่องความถูกต้องของคะแนนเสียง

การนับคะแนนใหม่เริ่มขึ้นเวลา 17.50 น. โดยสมาชิกทั้งสองฝ่ายต่างระดมเสียงสนับสนุนร่างของตนอย่างคึกคัก การลงมติดำเนินไปท่ามกลางบรรยากาศที่เคร่งเครียด ใช้เวลาทั้งสิ้นราว 2 ชั่วโมง ก่อนที่ผลคะแนนจะประกาศอย่างเป็นทางการในเวลา 19.40 น.

“พริษฐ์” พลิกชนะ “อนุทิน” ด้วยคะแนน 300 ต่อ 287

ผลการขานชื่อเป็นทางการแสดงให้เห็นว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ได้รับเสียงเห็นชอบ 300 เสียง ส่วนร่างของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ 287 เสียง จึงมีมติให้ใช้ร่างของนายพริษฐ์เป็น “ร่างหลัก” ในการพิจารณาต่อไป

แหล่งข่าวจากรัฐสภาระบุว่า หลังร่างของ พรรคเพื่อไทย ถูกปัดตกในวันก่อนหน้า ส.ส. ของพรรคส่วนใหญ่ได้เทคะแนนสนับสนุนร่างของพรรคประชาชน ซึ่งมีเนื้อหาใกล้เคียงกันในหลักการเปิดทางให้มีการจัดตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมเต็มรูปแบบ ขณะที่นายอนุทิน ซึ่งเข้าร่วมการประชุมในวันดังกล่าว ได้ลงคะแนนให้กับร่างของตนเองด้วย

พรรคเพื่อไทยจับมือพรรคประชาชน ดันร่างเขียนรัฐธรรมนูญใหม่

การที่ พรรคเพื่อไทย เทคะแนนให้กับร่างของพรรคประชาชนถือเป็นสัญญาณทางการเมืองสำคัญ เพราะทั้งสองพรรคมีจุดยืนร่วมกันในการเปิดทางให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ขณะที่ฝ่ายของภูมิใจไทยยังคงยึดแนวทางเดิมคือห้ามแตะต้องหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน

นักวิเคราะห์มองว่าผลการโหวตครั้งนี้สะท้อนความเปลี่ยนแปลงในแนวร่วมทางการเมือง โดยเฉพาะการจับมือระหว่างพรรคฝ่ายค้านเดิมกับพรรคที่มุ่งผลักดันการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ซึ่งอาจมีผลต่อทิศทางการเมืองในสภาช่วงต่อไป รวมถึงกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ