เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ชี้แจงกรณีการขอพระราชทานอภัยโทษของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันเป็นสิทธิ์ที่ผู้ต้องโทษพึงมีตามกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องลึกลับหรือพิเศษ พร้อมย้ำว่ากรณีเมื่อปี 2566 เป็นการ พระราชทานอภัยลดโทษ ไม่ใช่การถวายฎีกา และผู้ต้องขังยังคงมีสิทธิ์ถวายฎีกาได้ตามขั้นตอนกฎหมาย
อธิบายสิทธิ์อภัยโทษตามกฎหมาย ยืนยันทำได้ทุกผู้ต้องโทษ
นายบวรศักดิ์ ระบุว่า การขอพระราชทานอภัยโทษเป็นสิทธิ์ตาม มาตรา 259 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งกำหนดให้ผู้ต้องโทษสามารถยื่นคำขอต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ได้โดยตรง
ทั้งนี้ สิทธิ์ดังกล่าวอาจถูกจำกัดได้ในกรณีที่เคยยื่นแล้วถูก “ยกคำขอ” ไปก่อนหน้านั้น โดย มาตรา 264 ระบุว่าจะต้องเว้นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปีจึงจะสามารถยื่นอีกครั้งได้ ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในกฎหมายอย่างชัดเจน

กรณี “ทักษิณ” ปี 66 เป็นการอภัยลดโทษ ไม่ใช่ยกฎีกา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายชี้แจงว่า การพระราชทานอภัยโทษที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 เป็น พระบรมราชโองการพระราชทานอภัยลดโทษ เหลือโทษจำคุก 1 ปี โดยศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้จำคุกตามคำพิพากษาในขณะนั้น
เขากล่าวย้ำว่า “กรณีนี้ยังไม่มีการถวายฎีกาแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือการพระราชทานอภัยลดโทษ ไม่ใช่การยกฎีกา” พร้อมระบุว่า นายทักษิณยังคงมีสิทธิ์ถวายฎีกาได้ในอนาคตหากประสงค์จะดำเนินการ
เปิดขั้นตอนถวายฎีกา และรูปแบบการอภัยโทษ
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อธิบายเพิ่มเติมว่า กระบวนการถวายฎีกาเริ่มจากรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบนำเรื่องกราบบังคมทูลผ่าน คณะเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก่อนเสนอไปยัง กรมราชเลขานุการในพระองค์ สำนักพระราชวัง ซึ่งโดยปกติจะมีการส่งให้ องคมนตรี พิจารณาให้ความเห็นประกอบ
เขาระบุด้วยว่า การพระราชทานอภัยโทษแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- อภัยโทษเฉพาะราย – พิจารณาเป็นรายบุคคล
- อภัยโทษทั่วไป – มักมีขึ้นในโอกาสมหามงคลสำคัญของชาติ
โดยจากสถิติของ สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี พบว่า ปี 2566 มีการอภัยโทษเฉพาะราย 51 เรื่อง ปี 2567 จำนวน 100 เรื่อง และปี 2568 อีก 65 เรื่อง ซึ่งสะท้อนว่ากระบวนการดังกล่าวเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทุกปี
ย้ำ “ฎีกา” เป็นธรรมเนียมทางกฎหมาย ไม่ใช่ความลึกลับ
เมื่อถูกถามย้ำว่า นายทักษิณเคยถวายฎีกาหรือไม่ นายบวรศักดิ์ ตอบว่า “การถวายฎีกาเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีมีหน้าที่ถวายคำแนะนำต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งผลสุดท้ายอยู่ที่พระบรมราชวินิจฉัย” พร้อมย้ำว่า การเสนอยกฎีกาเป็นธรรมเนียมทางกฎหมาย ไม่ใช่กระบวนการพิเศษสำหรับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้มาก เพราะเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการกราบบังคมทูล และสิ่งที่ตนสามารถชี้แจงได้ในขณะนี้มีเพียง “ข้อกฎหมาย” เพื่อให้ประชาชนเข้าใจหลักการของกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น