วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ออกโรงปฏิเสธข่าวลือกรณีเงินสินบน 40 ล้านบาท ที่มีชื่อ “เบน สมิธ” เข้ามาเกี่ยวโยง โดยยืนยันชัดเจนว่า ช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งกว่า 2 ปี ไม่มีการเสนอเรื่องดังกล่าวเข้ามาแม้แต่ครั้งเดียว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า กระแสข่าวนี้อาจเกิดขึ้นภายหลังจากที่พ้นตำแหน่งไปแล้ว “ประเสริฐ” ปัดข่าวเอี่ยวสินบน 40 ล้าน ชี้เกิดหลังพ้นตำแหน่ง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง กล่าวถึงกระแสข่าวการเสนอสินบน 40 ล้านบาท ที่มีการโยงชื่อ “เบน สมิธ” โดยย้ำว่า ในระหว่างดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่เคยมีผู้ใดนำเรื่องดังกล่าวมาหารือหรือพูดคุยด้วย พร้อมระบุว่า “ในช่วงที่ผมยังดำรงตำแหน่ง ไม่มีใครพูดถึงเลย แต่พอรัฐมนตรีคนใหม่ยังไม่ทันเข้ารับตำแหน่ง เรื่องนี้กลับถูกพูดถึง จึงเชื่อได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ผมพ้นตำแหน่งไปแล้ว” อดีตรัฐมนตรีฯ ยังยืนยันว่า การกล่าวอ้างในลักษณะดังกล่าวอาจสร้างความเข้าใจผิด และเห็นว่าควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง คาดไม่ต้องใช้เวลานาน นายประเสริฐเปิดเผยว่า ตนได้ติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีนี้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะคำมั่นของรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่ระบุว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งเจ้าตัวเห็นว่า หากทำงานอย่างจริงจัง ไม่ควรใช้เวลานานขนาดนั้น เพราะข้อมูลหลักฐานสำคัญหลายส่วนมีอยู่แล้ว “ผมเห็นว่าการตรวจสอบนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่ใกล้ตัวรัฐมนตรีทั้งสิ้น จากที่ทราบมี ส.ส.พรรคภูมิใจไทย 2 ราย และผู้ช่วย ส.ส. อีก 1 ราย ที่ให้ข้อมูลกับรัฐมนตรี ซึ่งหากตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ก็สามารถหาต้นตอได้ไม่ยาก” นายประเสริฐ กล่าว เขาเพิ่มเติมว่า แม้จะยังไม่ครบกำหนด 30 วัน แต่ได้ติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ยันไม่รู้จัก “เบน สมิธ” และไม่เคยมีชื่อในรายงานใด เมื่อถูกถามถึงชื่อ “เบน สมิธ” นายประเสริฐยืนยันว่า ไม่เคยมีการพูดถึงบุคคลนี้มาก่อนในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และไม่มีรายงานใดเกี่ยวข้องส่งถึงตนแม้แต่น้อย พร้อมระบุว่า ควรปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปตามขั้นตอน “ผมไม่ได้เกี่ยวข้องใด ๆ กับกรณีนี้ หากมีข้อมูลหรือหลักฐานที่เป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบ ก็ขอให้เปิดเผยเพื่อให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันตรวจสอบอย่างโปร่งใส และนำผู้กระทำผิดมารับโทษโดยเร็ว” นายประเสริฐกล่าว
