อัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล ส.ว.สำรอง ยื่นศาลรัฐธรรมนูญขอให้วินิจฉัยข้อตกลง MOA ระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย อาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ พร้อมเตือนรัฐบาลอนุทินอย่าแทรกแซงคดีฮั้ว ส.ว.
วันที่ 17 ตุลาคม ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ อัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สมาชิกวุฒิสภาสำรอง พร้อมทีมทนายความ เดินทางเข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ข้อตกลง (MOA) ระหว่าง พรรคประชาชน และ พรรคภูมิใจไทย เข้าข่ายเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยอ้างว่าข้อตกลงดังกล่าวอาจเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ทางการเมือง และบ่อนทำลายระบบประชาธิปไตย พร้อมเตือนรัฐบาลภายใต้การนำของ อนุทิน ชาญวีรกูล ห้ามแทรกแซงสำนวนคดี “ฮั้ว ส.ว.”
“อัครวัฒน์” ชี้ MOA ปชน.-ภูมิใจไทย อาจบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย
นายอัครวัฒน์ เปิดเผยว่า ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อให้พิจารณาว่าการจัดทำ ข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) ระหว่าง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กับ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถือเป็นการกระทำที่ ขัดรัฐธรรมนูญ หรือฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่
เขาระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวอาจเป็นการ “เซาะกร่อน” และ “บ่อนทำลาย” ระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะมีลักษณะเป็นการใช้ช่องทางทางการเมืองเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างสองพรรค ซึ่งอาจบิดเบือนกลไกรัฐสภา หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง เชื่อว่าจะมี พยานหลักฐานเพียงพอ ที่ทำให้ศาลมีคำสั่งให้หยุดการกระทำดังกล่าวได้ ส่งผลให้เสถียรภาพของรัฐบาลชุดปัจจุบันอาจสั่นคลอน
เตือนรัฐบาล “อนุทิน” ห้ามแทรกแซงคดี “ฮั้ว ส.ว.”
นายอัครวัฒน์ ยังกล่าวเตือนถึง “มือที่มองไม่เห็น” หรือเครือข่ายสายสีน้ำเงินในรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล ว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงพยานหลักฐานในสำนวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับคดี “ฮั้ว ส.ว.” เพราะหากพบความผิดปกติ ตนจะใช้อำนาจขอให้ศาลเรียกสำนวนมาพิจารณาโดยตรง
เขายังตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใด กกต. จึงแต่งตั้ง คณะอนุกรรมการวินิจฉัยคดีลำดับที่ 36 เพิ่มเติม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ตั้งไว้แล้ว 35 คณะ ซึ่งอาจสะท้อนถึงความไม่โปร่งใสในกระบวนการสอบสวน
เตรียมฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตฯ เพิ่มสัปดาห์หน้า
สำหรับความคืบหน้าคดี “ฮั้ว ส.ว.” ที่ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ กกต. และ แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ต่อพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้องนั้น นายอัครวัฒน์ระบุว่า คดีดังกล่าวจะต้องส่งต่อไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม กลุ่มของตนซึ่งประกอบด้วย ส.ว.สำรอง จะดำเนินการยื่นฟ้องต่อ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ภายในสัปดาห์หน้า โดยระบุว่ามีพยานหลักฐานครบถ้วนและมีน้ำหนักเพียงพอให้ศาลรับไว้พิจารณาได้ เขายืนยันว่าการดำเนินการของตนไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มของ วิเชียร ศรีสุด หรือ กลุ่มสภาเที่ยงธรรม ที่เคยยื่นฟ้องไปก่อนหน้านี้ เพราะเป็นสิทธิของแต่ละฝ่ายตาม มาตรา 88 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา และ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ประกอบมาตรา 28(2)
นายอัครวัฒน์ทิ้งท้ายว่า ประชาชนจะได้เห็นความคืบหน้าเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ พร้อมย้ำว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม ส.ว.สำรอง เป็นไปตามสิทธิ์ทางกฎหมายทุกประการ


