กมธ.ปปง. ภายใต้การนำของนายดนุพร ปุณณกันต์ เดินหน้าสืบสวนขบวนการฟอกเงินข้ามชาติ “เฉิน จื้อ–บริษัทปริ้นซ์” พัวพันทองคำและสแกมเมอร์ข้ามแดน เชื่อซุกทรัพย์ในไทย
วันที่ 22 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด (กมธ.ปปง.) แถลงถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเครือข่ายฟอกเงินข้ามชาติของ นายเฉิน จื้อ (Chen Zhi) นักธุรกิจชาวจีน เจ้าของกลุ่ม บริษัทปริ้นซ์ กรุ๊ป (Prince Group) ที่ถูกอายัดทรัพย์โดยสหรัฐฯ และอังกฤษ โดยเชื่อว่ามีการซุกซ่อนทรัพย์สินในประเทศไทย รวมถึงความเชื่อมโยงกับขบวนการ สแกมเมอร์ข้ามแดน และเส้นทางทองคำที่อาจถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน
เปิดปฏิบัติการ กมธ.ปปง. ไล่แกะรอยทรัพย์สินเฉิน จื้อในไทย
นายดนุพร ปุณณกันต์ เปิดเผยว่า กมธ.ปปง. ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), พนักงานอัยการ และตำรวจสากล (Interpol) เข้าร่วมให้ข้อมูล เพื่อ “แกะรอยเส้นทางการเงิน” ของบริษัทในเครือ เฉิน จื้อ ทั้งหมด โดยเน้นตรวจสอบทรัพย์สินที่อาจอยู่ในประเทศไทย หลังพบเบาะแสว่าอาจใช้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงิน” ของเครือข่ายข้ามชาติ
เขาระบุว่า การที่สหรัฐฯ และอังกฤษสามารถอายัดทรัพย์สินได้ก่อน ทั้งที่อยู่ไกลกว่าไทย เป็นสิ่งที่ กมธ. ต้องหาคำตอบ พร้อมย้ำว่า หากพบทรัพย์สินในไทย จะเร่งรายงานรัฐบาลเพื่อดำเนินการอายัดโดยทันที เพื่อป้องกันการยักย้ายถ่ายเทออกนอกประเทศ
ตรวจสอบโยงบริษัทในกัมพูชา–ไทย เชื่อมีธุรกรรมเกี่ยวข้อง
ประเด็นสำคัญที่ กมธ.ปปง. จะเร่งตรวจสอบ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทในเครือของ กลุ่มปริ้นซ์ กรุ๊ป ที่ตั้งอยู่ในกัมพูชา กับบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย โดยเฉพาะธุรกรรมการเงินและการลงทุนร่วมกัน ซึ่งทาง ปปง. จะนำไปตรวจสอบเชิงลึกเพื่อหาความเชื่อมโยงในรายละเอียด
แม้ทางบริษัทจะออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด แต่ข้อมูลจากหลายประเทศพบว่ามีการลงทุนเชื่อมโยงกับบริษัทในอังกฤษและสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมหลายพันล้านบาท ทำให้ไทยถูกจับตามองว่าอาจเป็นหนึ่งในเป้าหมายฟอกเงินของเครือข่ายนี้ เนื่องจากมีพรมแดนติดกัมพูชาและเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสำคัญในภูมิภาคอาเซียน
ขยายผลโยงขบวนการสแกมเมอร์–นักการเมืองไทย
ประธาน กมธ.ปปง. เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การตรวจสอบครั้งนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะบริษัทของ เฉิน จื้อ แต่ยังรวมถึงเครือข่ายอื่นที่อาจเกี่ยวพันกับ ขบวนการสแกมเมอร์และบัญชีม้า โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่าอาจมี นักการเมืองไทย 7 ราย เกี่ยวข้อง แม้สถานทูตเกาหลีใต้จะออกมาปฏิเสธ แต่ กมธ. ยังเดินหน้าสอบสวนต่อ เพราะเชื่อว่าอาจเป็นเพียง “มารยาททางการทูต”
เขากล่าวด้วยว่า กมธ.ชุดนี้ทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่ของพรรคการเมืองใด โดยมีการประสานงานกับ นายรังสิมันต์ โรม และ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จากพรรคประชาชน รวมถึงอดีตเลขาธิการ ปปง. ที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษา เพื่อเพิ่มความเข้มข้นของกระบวนการตรวจสอบ
เปิดข้อมูลทองคำโยงฟอกเงินกัมพูชา
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา กมธ. ยังได้พิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับการส่งออกทองคำของไทย ซึ่งอาจเป็นอีกช่องทางในการฟอกเงิน โดยพบว่ามีการส่งออกทองคำจำนวนมากไปยังประเทศกัมพูชา และอาจถูกเปลี่ยนเป็นเงินสดทั้งเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐ
นายดนุพร เปิดเผยว่า ไทยเป็นประเทศที่ส่งออกทองคำไปกัมพูชามากเป็นอันดับสองของโลก รองจากสวิตเซอร์แลนด์ แม้สมาคมค้าทองคำจะชี้แจงว่าเป็นการหมุนเวียนทองเก่าเป็นทองใหม่ตามปกติ แต่ ปปง. มองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ทองคำบางส่วนอาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายหรือเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ
กมธ.เดินหน้าสืบต่อ หวังสกัดไทยไม่ให้เป็นศูนย์กลางฟอกเงิน
นายดนุพร ยืนยันว่า กมธ.ปปง. จะเรียกผู้เกี่ยวข้องจากสมาคมผู้ค้าทองคำและหน่วยงานด้านการเงินมาชี้แจงเพิ่มเติม หากยังไม่ได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ จะนำเรื่องทองคำและบริษัทปริ้นซ์เข้าสู่การพิจารณาอย่างเป็นทางการอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
รายงานเบื้องต้นจาก กมธ. ชี้ว่า การสืบสวนครั้งนี้อาจเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ในการเปิดโปงเครือข่ายฟอกเงินข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งกำลังถูกจับตาในฐานะฐานปฏิบัติการของกลุ่มสแกมเมอร์ระดับภูมิภาค
“เราจะไม่ยอมให้ประเทศไทยกลายเป็นที่ซุกซ่อนทรัพย์สินของนักฟอกเงินข้ามชาติ ไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล เราจะตามให้ถึงที่สุด” นายดนุพร ปุณณกันต์ กล่าวทิ้งท้าย