อนุทินชาญวีรกูล แจง MOU ไทย–สหรัฐฯ ด้านแรร์เอิร์ธ เป็นเพียงบันทึกความเข้าใจเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ไม่ผูกพันทางกฎหมาย และอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญไทยอย่างเคร่งครัด
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีลงนาม บันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือด้านแร่ธาตุหายาก หรือ “แรร์เอิร์ธ” ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ว่าเป็นความร่วมมือเพื่อแสวงหาความรู้และเทคโนโลยี ไม่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมาย ยืนยันอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและรัฐธรรมนูญไทย พร้อมระบุว่าหากข้อตกลงดังกล่าวไม่มีประโยชน์ต่อประเทศ สามารถยกเลิกได้ทันทีโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย
ไทย–สหรัฐฯ ลงนามบันทึกความเข้าใจพัฒนา “แรร์เอิร์ธ”
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 เวลา 14.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการลงนามใน MOU ว่าด้วยการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลกและการส่งเสริมการลงทุน ระหว่างไทย–สหรัฐฯ
นายกรัฐมนตรีระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นเพียงการแสวงหาความร่วมมือด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมแร่ธาตุหายากในอนาคต โดยจะต้องอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาล ความเป็นธรรม และไม่ขัดต่อกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญไทย
ย้ำ MOU ไม่ใช่สนธิสัญญา ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย
นายอนุทิน ชี้แจงว่า บันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทยและสหรัฐฯ ฉบับนี้ ไม่มีสถานะเป็น “สนธิสัญญา” (Treaty) หรือ “ข้อตกลงผูกพันทางกฎหมาย” (Legal Agreement) แต่เป็นเพียงกรอบความร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการสำรวจและพัฒนาแร่ธาตุหายากเท่านั้น
ทั้งสองฝ่ายยังคงมีอิสระในการทำความร่วมมือกับประเทศอื่น ๆ ได้ตามปกติ และสามารถยกเลิก MOU ได้โดยไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากอีกฝ่าย หากประเมินแล้วว่าไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศ ซึ่งเป็นหลักสากลของบันทึกความเข้าใจในลักษณะนี้
ไทยต้องการเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ในการพัฒนาแรร์เอิร์ธ
นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันไทยยังไม่มีการสำรวจหรือพัฒนาแร่หายากอย่างจริงจัง แม้จะมีแหล่งทรัพยากรอยู่ในประเทศก็ตาม จึงจำเป็นต้องแสวงหาความร่วมมือทางเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากประเทศที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น สหรัฐอเมริกา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทยในอนาคต
ทั้งนี้ “แรร์เอิร์ธ” (Rare Earth Elements) หมายถึงกลุ่มแร่ธาตุที่พบได้ยากในธรรมชาติ แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมยุคใหม่ เช่น การผลิตแบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้า ชิปอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์เทคโนโลยีชั้นสูง การมีส่วนร่วมในความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นโอกาสในการยกระดับความสามารถของไทยในเวทีโลก
ยืนยันเดินหน้าอย่างโปร่งใส ภายใต้กฎหมายไทย
นายอนุทิน ย้ำว่า การลงนามครั้งนี้เป็นไปอย่างโปร่งใส และต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายของไทยทุกประการ โดยไม่ขัดต่อหลักรัฐธรรมนูญ พร้อมยืนยันว่า หากการดำเนินงานใด ๆ ไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศ จะยุติทันที
“ความเข้าใจกันในลักษณะนี้ ไม่ได้มีผลผูกพัน แต่หากวันหนึ่งต้องการขยายความร่วมมือให้ลึกขึ้น ก็จะต้องเปลี่ยนจาก MOU ไปสู่ข้อตกลงทางกฎหมาย (Agreement หรือ Treaty) ที่มีผลผูกพันในระดับประเทศ” นายกรัฐมนตรีกล่าว


