พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เปิดข้อมูลรัฐบาลอนุทิน อนุมัติงบเกือบ 4 พันล้านจัด MotoGP 5 ปี ใช้สนามช้างฯ บุรีรัมย์ ของกลุ่มธุรกิจใกล้ชิด ตั้งข้อสงสัยการเอื้อพวกพ้องและขาดธรรมาภิบาล
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกมาเปิดเผยผ่านโพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่ รัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล อนุมัติงบประมาณล่วงหน้าเกือบ 4,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการจัดแข่งขัน MotoGP ในช่วงปี 2570–2574 โดยใช้ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของบริษัทในเครือที่มีความเชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจทางการเมือง ทวีตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าและธรรมาภิบาล พร้อมชี้ว่างบดังกล่าวไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาความยากจนของคนบุรีรัมย์ แต่กลับกลายเป็นการเอื้อประโยชน์แก่ “กลุ่มอำนาจเดิม”
งบล่วงหน้าเกือบ 4 พันล้านจุดประเด็นธรรมาภิบาล
พ.ต.อ.ทวี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 3,997 ล้านบาท เพื่อจัดการแข่งขัน MotoGP ต่อเนื่อง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2570–2574 ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณล่วงหน้าขนาดใหญ่ ทั้งที่รัฐบาลปัจจุบันมีอายุเพียง 4 เดือนเท่านั้น
เขาระบุว่า การทุ่มงบประมาณในโครงการนี้เป็น “สัญญาณอันตรายของธรรมาภิบาล” เพราะเป็นการจัดสรรงบเพื่อประโยชน์ของ “กลุ่มอำนาจทางการเมือง” มากกว่าประโยชน์สาธารณะ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า “รัฐบาลอนุทินฯ อาจทิ้งมรดกหนี้แผ่นดินให้ประชาชนต้องจ่ายต่อไปจนถึงปี 2574”
สนามช้างฯ เชื่อมโยงกลุ่มธุรกิจการเมืองบุรีรัมย์
สนามแข่งขัน MotoGP ที่ใช้จัดงาน คือ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งเป็นของ บริษัท บุรีรัมย์ยูไนเต็ดอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับบ้านพักของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล โดยมีชื่อของ นายเนวิน ชิดชอบ, น.ส.ชิดชนก ชิดชอบ, นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ และ นายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง เป็นกรรมการบริษัท
พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า มติ ครม.ครั้งนี้ “อาจเท่ากับการอนุมัติให้ MotoGP เพื่ออนุทิน–เนวิน” เพราะนอกจากสนามช้างฯ จะเป็นทรัพย์สินในเครือธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลใกล้ชิดผู้มีอำนาจแล้ว พื้นที่โดยรอบสนามที่ยังเป็นของ การรถไฟแห่งประเทศไทย บางส่วนกว่า 5,000 ไร่ ยังถูกพัฒนาเป็นโรงแรม ปั๊มน้ำมัน สนามฟุตบอล และศูนย์ธุรกิจโดยบริษัทในตระกูลเดียวกันอีกด้วย
งบรัฐพุ่ง 8 เท่า เทียบสามยุครัฐบาล
ทวีย้อนลำดับการสนับสนุน MotoGP ของรัฐตั้งแต่ปี 2561 พบว่า งบประมาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 8 เท่า
รัฐบาล คสช. (ปี 2561–2563) อนุมัติ 300 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 100 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์บางส่วน
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ปี 2564–2569) อนุมัติ 900 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 180 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนค่าจัดงาน
รัฐบาลภูมิใจไทย (ปี 2570–2574) เพิ่มงบสูงถึง 3,997 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 800 ล้านบาท
เขาชี้ว่า การใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดสะท้อนถึงความไม่ยั่งยืนเชิงธุรกิจ เพราะรายได้จากค่าบัตรเข้าชมตลอด 5 ปีมีเพียงราว 180 ล้านบาท ซึ่งเทียบเท่าค่าจัดงานเพียงปีเดียวเท่านั้น
คนบุรีรัมย์ยังจน ขณะงบรัฐเทไปรับอีเวนต์ใหญ่
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า รายได้เฉลี่ยของประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์อยู่ที่เพียง 91,635 บาทต่อปี ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศถึง 2.8 เท่า และยังมีประชากรยากจนกว่า 145,000 คน ที่รอความช่วยเหลือจากรัฐ ทวีกล่าวว่า มติ ครม.ชุดนี้กลับไม่ได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน แต่กลับสร้างความเหลื่อมล้ำ เพราะใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในกิจกรรมที่เอื้อธุรกิจเฉพาะกลุ่ม
เขายังชี้ด้วยว่า งบดังกล่าวยังรวม “ค่าภาษี” กว่า 780 ล้านบาท ที่รัฐต้องจ่ายแทนภาคเอกชน ซึ่งเป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนสนับสนุนธุรกิจที่เชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจในปัจจุบัน โดยอ้างว่าเพื่อ “ส่งเสริมการท่องเที่ยว” ทั้งที่ผลประโยชน์อาจกลับไปยังกลุ่มทุนเดิม
ทวีเตือนการใช้งบเพื่อพวกพ้องคือภัยต่อประเทศ
พ.ต.อ.ทวี วิจารณ์ว่า การจัดสรรงบประมาณเพื่อเอื้อพวกพ้องถือเป็น “ภัยร้ายแรงกว่ามิจฉาชีพ” เพราะเป็นการ “แย่งชิงเงินของประเทศจากส่วนรวมอย่างเงียบ ๆ” ซึ่งต่างจากการหลอกลวงทางออนไลน์ที่กระทบเพียงรายบุคคล
เขาระบุว่า การบิดเบือนนโยบายสาธารณะให้รับใช้ผลประโยชน์ส่วนตนคือรูปแบบของ คอร์รัปชันเชิงโครงสร้าง ที่ทำลายระบบเศรษฐกิจ ทำให้ความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่รุนแรง และทำให้ประเทศต้องสูญเสียงบประมาณในอนาคตเพื่อคนไม่กี่คน พร้อมตั้งคำถามว่า “ธรรมาภิบาลและจริยธรรมของรัฐบาลอยู่ที่ไหน”







