อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ระบุปัญหาคอร์รัปชันลดลงหลังรัฐบาลเดินหน้าปราบปรามเต็มที่ พร้อมตอบประเด็นการซื้อขายตำแหน่งตำรวจว่า ผบ.ตร. ยินดีให้ตรวจสอบหากมีหลักฐานชัดเจน และขอความร่วมมือจากหน่วยงานอิสระ
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนว่า ภายใต้รัฐบาลชุดปัจจุบัน ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันมีแนวโน้มลดลง พร้อมย้ำว่ารัฐบาลตั้งใจดำเนินมาตรการปราบปรามอย่างเต็มที่ หลังเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชันเปิดเผยข้อมูลเรื่องเงินใต้โต๊ะในโครงการรัฐ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังตอบคำถามกรณีเพจดังเผยข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ โดยยืนยันว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมรับการตรวจสอบหากมีหลักฐานชัดเจน พร้อมขอให้หน่วยงานอิสระร่วมมือในการตรวจสอบทุกรูปแบบ
อนุทินมั่นใจคอร์รัปชันลดลงหลังรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาจริงจัง
อนุทิน ชาญวีรกูล ระบุว่า สัญญาณการทุจริตในหน่วยงานของรัฐลดลงอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหาร โดยย้ำว่าการปราบปรามคอร์รัปชันคือภารกิจสำคัญ เนื่องจากเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงการจัดอันดับด้านความโปร่งใสของประเทศไทยในเวทีสากล
นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลมีจุดยืนชัดเจนในการทำสงครามกับคอร์รัปชัน และไม่เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกรับผลประโยชน์ในลักษณะเงินใต้โต๊ะ ทั้งยังชี้ว่าการรายงานของเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชันเป็นสิ่งที่ควรนำมาพิจารณาเพื่อให้การปรับปรุงระบบราชการมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ผบ.ตร.พร้อมรับการตรวจสอบปมซื้อขายตำแหน่ง หากมีหลักฐานชัดเจน
ในส่วนของกระแสข่าวเรื่องการซื้อขายตำแหน่งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถูกกล่าวถึงในสื่อสังคมออนไลน์ อนุทิน เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้ว โดย ผบ.ตร.แสดงความพร้อมให้ตรวจสอบทุกประเด็น หากมีหลักฐานประกอบที่เพียงพอและน่าเชื่อถือ เพื่อให้สังคมได้รับคำตอบที่ตรงไปตรงมา
นายกรัฐมนตรีชี้ว่า ปัจจุบันเป็นยุคที่ข้อมูลข่าวสารถูกเผยแพร่รวดเร็ว การกล่าวหาบนโลกออนไลน์เกิดขึ้นได้ง่าย จึงจำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบ หากรัฐบาลรีบตอบสนองทุกข่าวลือโดยปราศจากหลักฐาน การบริหารประเทศจะสะดุดและไม่สามารถเดินหน้าประเด็นสำคัญได้
รัฐบาลขอความร่วมมือหน่วยงานอิสระตรวจเข้มทุกช่องทาง
อนุทิน กล่าวต่อว่า การปราบปรามการทุจริตต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือ
นายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิด เพื่อสกัดกั้นช่องโหว่ของระบบราชการ และยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นต่อการตรวจสอบ ทั้งยังเชื่อว่าการทำงานร่วมกันของทุกฝ่ายจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสให้ภาครัฐในระยะยาว


