เหมือนผู้รับเหมาทิ้งงาน! “พริษฐ์” เตือนอนุทิน อย่ายุบสภาหนีซักฟอก

พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน ออกโรงเตือนนายกฯ อนุทิน หากยุบสภา 12 ธ.ค. ขณะมีสัญญาณอภิปรายไม่ไว้วางใจ อาจถูกมองว่าหนีตรวจสอบ ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญและกรอบ MOA ที่ทำร่วมกัน

ที่รัฐสภาเมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 ธ.ค. 2568 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน แสดงความไม่เห็นด้วยต่อสัญญาณการยุบสภาของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี หากมีขึ้นในวันที่ 12 ธ.ค. ระบุการยุบสภาท่ามกลางกระบวนการอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจถูกมองว่าเป็นการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ พร้อมเปรียบเสมือน “ผู้รับเหมาทิ้งงาน” ชี้เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญไม่สนับสนุนการใช้กลไกยุบสภาเพื่อหลีกหนีความรับผิดชอบทางการเมือง

พริษฐ์ขวางสัญญาณยุบสภา มองกระทบความเชื่อมั่นทางการเมือง

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ย้ำว่าการยุบสภาเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบในช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นสิ่งที่ขัดต่อ “เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ” ซึ่งมุ่งให้ฝ่ายบริหารต้องรับผิดชอบต่อการทำงานอย่างโปร่งใส แม้จะยังมีข้อถกเถียงด้านกฎหมายว่าระหว่างกระบวนการอภิปรายสามารถยุบสภาได้หรือไม่ แต่ในมิติทางการเมือง การตัดสินใจดังกล่าวย่อมส่งผลลบต่อภาพลักษณ์ของผู้นำรัฐบาลโดยตรง

เขาระบุว่าในช่วงก่อนเลือกตั้ง การยุบสภาที่ถูกตีความว่าเป็นการหลบเลี่ยงอำนาจตรวจสอบ จะยิ่งทำให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เผชิญแรงเสียดทานมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวประกาศเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยแล้ว

เงื่อนไขอภิปรายไม่ไว้วางใจและกรอบ MOA ระหว่าง 2 พรรค

โฆษกพรรคประชาชนกล่าวถึงเงื่อนไขการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พรรคได้ประกาศไว้ล่วงหน้า 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การยุบสภาหลังเส้นกำหนด 31 ม.ค. 2569 การผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เสร็จทันวาระ 3 ภายในปี 2568 และกรณีนโยบายใดที่อาจสร้างความเสียหายต่อประชาชน ซึ่งทั้งสามเงื่อนไขยังคงเป็นกรอบการทำงานที่พรรคยึดถืออย่างเคร่งครัด

ส่วนประเด็นที่สังคมจับตา คือข้อผูกพันตามบันทึกความเข้าใจหรือ MOA ระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย เขาอธิบายว่ามีสาระสำคัญอยู่ที่การยุบสภาภายในช่วงเวลาที่ตกลง และการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีคำถามทำประชามติควบคู่การเลือกตั้ง หากไม่เป็นไปตามนั้น ย่อมถือว่าผิดข้อตกลงที่ตั้งไว้ร่วมกัน

ย้ำพรรคประชาชนจะคงสถานะฝ่ายค้านเพื่อคานอำนาจตรวจสอบ

เมื่อถูกถามว่าสัญญาณการยุบสภามีเจตนาทางการเมืองอื่นหรือไม่ นายพริษฐ์ ระบุว่าไม่อาจประเมินเจตนาภายในได้ แต่หากมีการยุบสภาในช่วงที่การแก้รัฐธรรมนูญยังไม่เสร็จสิ้น ก็ย่อมกระทบกระบวนการปฏิรูปประเทศในภาพรวม เขาย้ำว่าพรรคประชาชนเลือกคงสถานะฝ่ายค้านโดยตั้งใจ เพื่อให้สามารถใช้กลไกตรวจสอบได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในรัฐบาลเสียงข้างน้อยตามกรอบ MOA

เขาเสริมว่าการผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย และไม่ใช่เรื่องที่พรรคใดพรรคหนึ่งจะทำได้เพียงลำพัง ดังนั้นการชะลอการยื่นอภิปรายหรือการเดินหน้าอภิปรายเป็นสิทธิของแต่ละพรรค โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่กำลังพิจารณาอยู่

ทิศทางการเมืองก่อนเลือกตั้งและความเป็นไปได้หากยุบสภา

ในกรณีที่เกิดการยุบสภาก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าพรรคประชาชนจะลงมติไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หากมีการอภิปรายก่อนยุบสภา นายพริษฐ์ ชี้ว่าไม่ใช่เพียงพรรคประชาชนที่ต้องการเห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เป็นเป้าหมายร่วมของหลายฝ่าย เขาย้ำว่าทุกพรรคควรเดินหน้าอย่างมีความรับผิดชอบต่อประชาชน และหลีกเลี่ยงการใช้อำนาจที่สร้างผลกระทบต่อการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง

เขายืนยันว่าจุดยืนของพรรคยังคงเข้มแข็ง และพร้อมใช้กลไกรัฐสภาเพื่อตร


📰 อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ The Mainstream

เพื่อไทย ดึง “อัศวเหม” เปิดตัวผู้สมัครสมุทรปราการ อนุทิน ปัดตอบตัดขาดหรือไม่