พรรคประชาชนเปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมย้ำต้องได้เกิน 250 เสียงเพื่อปิดประตูดีลการเมือง หลังบทเรียนปี 2566 ที่ชนะเลือกตั้งแต่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล
วันนี้ (23 พฤศจิกายน 2568) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน เปิดตัวรายชื่อ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคจำนวน 3 คน ได้แก่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, ศิริกัญญา ตันสกุล และ วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร พร้อมประกาศเป้าหมายต้องคว้าที่นั่ง สส. ไม่น้อยกว่า 250 เสียง เพื่อเป็น “ใบอนุญาตที่หนึ่ง” ให้พรรคสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างชัดเจน หลังประสบเหตุชนะเลือกตั้งแต่ไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลเมื่อปี 2566
พรรคประชาชนชู 3 แคนดิเดตสะท้อนโครงสร้างนโยบาย–ยุทธศาสตร์ใหม่
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ระบุว่า การคัดเลือกผู้เหมาะสมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ อ้างอิงตามหลักการดำเนินงานของพรรคที่ยึดแนวคิด “ไทยไม่เทา ไทยเท่ากัน ไทยทันโลก” โดยจัดวางบทบาทแต่ละบุคคลให้ตอบโจทย์การขับเคลื่อนประเทศในด้านสำคัญ ทั้งเหตุผลทางนโยบายและทิศทางที่พรรคตั้งใจจะผลักดันหลังการเลือกตั้ง
เขาระบุว่า วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร จะเป็นกำลังหลักด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม โดยนำองค์ความรู้สมัยใหม่มาประยุกต์ให้ไทย “เท่าทันโลก” ส่วน ศิริกัญญา ตันสกุล จะเป็นผู้ดูแลประเด็นการปฏิรูประบบราชการและโครงสร้างรัฐ เพื่อผลักดันการกระจายงบประมาณให้ถึงประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นแกนกลางของนโยบายพรรคในรอบนี้
ย้ำต้องชนะเกิน 250 เสียง ปิดช่องดีลการเมืองหลังยุค สว.
หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวชัดว่า แม้กติกาทางการเมืองรอบนี้ไม่มี สว. ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ “การชนะไม่เด็ดขาด” อาจทำให้พรรคพลาดการจัดตั้งรัฐบาลซ้ำรอยปี 2566 ได้อีก ดังนั้น การได้ 250 เสียง จึงเป็น “เกณฑ์ขั้นต่ำ” ที่ต้องทำให้ได้ เพื่อให้ทุกฝ่ายไม่สามารถปฏิเสธเจตจำนงประชาชนได้อีกครั้ง
เขาระบุว่า หากพรรคได้รับ “20 ล้านเสียง” หรือประมาณครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จะเป็นหลักฐานชัดเจนว่าพรรคประชาชนควรได้จัดตั้งรัฐบาลโดยไม่เกิดข้อกังขาทางการเมืองใด ๆ พร้อมย้ำว่าสถานการณ์รอบนี้ “เงื่อนไขทางการเมืองหลายอย่างคลายล็อกไปมากแล้ว”
มั่นใจผ่านคดี 44 สส. ไม่กระทบแคนดิเดตนายกฯ
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีคดี “44 สส.” ที่มีชื่อ ณัฐพงษ์ และ ศิริกัญญา อยู่ร่วมด้วย โดยมีเพียง วีระยุทธ ที่ไม่อยู่ในรายชื่อ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเรียงลำดับบัญชีพรรค หากมีคำพิพากษาออกมาในระหว่างจัดตั้งรัฐบาล
ณัฐพงษ์ระบุว่า เรื่องดังกล่าวอยู่นอกเหนือการควบคุมของพรรค แต่ยืนยันว่าการลงมติแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของ สส. ทั้งหมด เป็นการใช้อำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง ไม่ใช่การฝ่าฝืนกฎหมาย พร้อมย้ำว่าพรรคมีบุคลากรเพียงพอรองรับทุกสถานการณ์ แม้จะมี “อุบัติเหตุทางการเมือง” เกิดขึ้นก็ตาม
เขาย้ำว่า การคัดเลือกแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 คน พิจารณาจากความเหมาะสมและความสามารถ ไม่ใช่การหลบเลี่ยงปมคดีใด ๆ พร้อมมั่นใจว่าแนวทางของพรรคจะได้รับการยอมรับทั้งจากสมาชิกพรรคและฐานเสียงหลักของพรรคประชาชน
ไม่ปิดประตูร่วมรัฐบาล ชี้ต้องดูวาระประเทศมากกว่าการเลือกข้าง
ในประเด็น “จับมือกับพรรคใดหลังเลือกตั้ง” ซึ่งถูกถามว่าจะร่วมมือกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ หากต้องทำรัฐบาลผสมในสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ณัฐพงษ์ ตอบว่า พรรคประชาชนจะใช้ “วาระแห่งชาติ” เป็นตัวตั้ง ไม่ใช่การเลือกข้างในเชิงการเมืองหรืออุดมการณ์ พร้อมเปรียบเทียบว่าเหมือนการทูตระหว่างประเทศที่ไม่ต้องเลือกฝ่าย แต่เลือกความร่วมมือที่ตอบโจทย์ผลประโยชน์ของประเทศที่สุด
เขาเปิดเผยว่า พรรคพร้อม “กาง TOR” ต่อหน้าสาธารณชน หากต้องเจรจาตั้งรัฐบาลผสม และจะเลือกพรรคที่สามารถร่วมงานอย่างโปร่งใส แน่วแน่ และสอดคล้องกับนโยบายหลักของพรรคประชาชน โดยไม่ผูกมัดกับพรรคร่วมรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ยังถือเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย
ศิริกัญญาชี้ต้องเกิน 250 เสียง ไม่เช่นนั้นเสี่ยงเป็นฝ่ายค้านอีกครั้ง
ด้าน ศิริกัญญา ตันสกุล ระบุว่า พรรคประชาชนยังมี “บทเรียนค้างคา” จากปี 2566 ที่ชนะเลือกตั้งแต่ไม่ได้เป็นรัฐบาล ซึ่งสร้างความกังวลให้กับผู้สนับสนุนและทีมงานจำนวนมาก เธอชี้ว่า แม้รอบใหม่ไม่มี สว. แล้ว แต่หากได้เสียงต่ำกว่า 250 เสียง โอกาสเป็นฝ่ายค้านยังมีสูงถึง “80-90%”
เธอย้ำว่า ประชาชนจำนวนมาก “ไม่อยากรออีกแล้ว” และต้องการเห็นพรรคประชาชนเป็นรัฐบาลให้ได้อย่างเด็ดขาด จึงจำเป็นต้องตั้งเป้าชนะขาดเพื่อหลีกเลี่ยงดีลการเมืองที่อาจเปลี่ยนผลการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง
วีระยุทธหนุนณัฐพงษ์ เหมาะเป็นนายกฯ แก้ระบบรัฐ–ดันเศรษฐกิจดิจิทัล
วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร ให้ความเห็นว่าทั้งสามคนจะทำงานเป็นทีม แต่ยืนยันว่า ณัฐพงษ์ คือผู้เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในภาวะปัจจุบัน เนื่องจากไทยต้องการผู้นำที่สามารถแก้ปัญหาเป็นระบบ เพิ่มความทันสมัยของระบบราชการ สนับสนุน SMEs และผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลให้เดินหน้าทันโลกได้จริง
เขาระบุว่า ความมุ่งมั่น ความเข้มแข็ง และความจริงใจในการปฏิบัติงานของณัฐพงษ์ คือเหตุผลที่ทำให้มั่นใจว่าภาพรวมของการบริหารประเทศจะเดินหน้าได้ หากพรรคประชาชนได้รับโอกาสจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ


