สรวงศ์ เทียนทอง ตอบโต้โฆษกรัฐบาลสิริพงศ์ หลังตอบคำถามสถานการณ์น้ำท่วมด้วยการโยงไปปี 54 ชี้เป็นการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ และย้ำว่าประชาชนต้องการข้อมูลชัดเจนจากรัฐบาลในภาวะวิกฤต
เหตุปะทะคารมทางการเมืองทวีความเข้มขึ้นหลัง สรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาตอบโต้ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 จากกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลตอบคำถามนักข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ว่า “ต้องไปถามปี 54 ไม่ใช่ปีนี้” ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ สรวงศ์ระบุว่าประชาชนต้องการข้อมูลและมาตรการจริง ไม่ใช่คำพูดที่เลี่ยงประเด็นของภาครัฐในช่วงที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตน้ำท่วมรุนแรง
เพื่อไทยโต้กลับรัฐบาล ชี้คำตอบปมน้ำท่วมสะท้อนการบริหารไร้ทิศทาง
คำตอบของ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ที่ให้นักข่าว “ไปถามปี 54” ถูกมองว่าเป็นการเปรียบเทียบสถานการณ์น้ำท่วมอย่างไม่เหมาะสมในขณะที่ประชาชนกำลังประสบภัยจริง ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์จากหลายฝ่ายว่าเป็นการปัดความรับผิดชอบและไม่สะท้อนการบริหารงานเชิงรุกของรัฐบาลชุดปัจจุบัน คลื่นน้ำท่วมภาคใต้ปีนี้มีความรุนแรง กระทบหลายชุมชนและโครงสร้างพื้นฐาน นักวิเคราะห์การเมืองมองว่าภาครัฐควรใช้ทุกโอกาสสร้างความเชื่อมั่นด้วยข้อมูลที่ตรงไปตรงมา ไม่ใช่ใช้เปรียบเทียบทางการเมืองมาขยายประเด็น
ด้าน สรวงศ์ เทียนทอง ระบุว่าโฆษกรัฐบาลควรตระหนักถึงหน้าที่ในการสื่อสารข้อมูลเชิงนโยบายและมาตรการ แต่กลับใช้ท่าทีเฉไฉเมื่อถูกถามถึงการรับมือน้ำท่วม เขาเปรียบเทียบว่า “ตำแหน่งโฆษกรัฐบาลไม่ใช่เวทีโชว์สกิลพูด” พร้อมย้ำว่ารัฐบาลต้องสื่อสารให้ชัดเจนว่ากำลังทำอะไรอยู่ ไม่ใช่กล่าวอ้างอย่างคลุมเครือจนประชาชนเกิดความไม่เชื่อมั่นในช่วงเกิดภัยพิบัติ
สรวงศ์ชี้ประชาชนต้องการข้อมูลจริง ไม่ใช่วาทกรรมหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ
สรวงศ์วิจารณ์เพิ่มเติมว่า ทุกครั้งที่ฝ่ายรัฐบาลออกมาชี้แจงมักนำเสนอภาพว่า “รู้ทุกอย่าง เก่งทุกเรื่อง” แต่เมื่อเกิดปัญหาร้ายแรงกลับไม่ปรากฏความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม เขาให้ความเห็นว่าในภาวะวิกฤตเช่นนี้ประชาชนต้องการข้อมูลที่ชัดเจน เช่น แนวทางบริหารจัดการน้ำ มาตรการช่วยเหลือพื้นที่เสี่ยง และแผนเร่งด่วนในการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม
ในข้อความที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว สรวงศ์ยังกล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าเจ้าหน้าที่บางฝ่าย “ไม่เข้าใจว่าประเทศกำลังเผชิญอะไรอยู่” พร้อมเตือนว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อบทบาทของตัวเอง ไม่ใช่ผลักภาระไปยังเหตุการณ์ในอดีตหรือรัฐบาลก่อนหน้า เพราะประชาชนต้องการคำตอบและมาตรการจากผู้มีอำนาจบริหารในปัจจุบัน
เรียกร้องรัฐบาลตั้งหลักใหม่—ทำงานมากกว่าพูดเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
สรวงศ์ทิ้งท้ายว่า ประเทศไม่ควรต้องเผชิญกับการบริหารงานที่ “มีแต่เสียงดัง แต่ไร้การลงมือทำ” เขาย้ำว่าบทบาทโฆษกรัฐบาลต้องเป็นผู้สื่อสารข้อมูลสำคัญในยามเกิดวิกฤต ไม่ใช่สร้างความสับสนหรือใช้ถ้อยคำที่อาจถูกตีความว่าหลีกเลี่ยงการตอบคำถาม เขาเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความพร้อมในการจัดการสถานการณ์น้ำท่วมและสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน
