พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุยอดผู้เสียชีวิตน้ำท่วมหาดใหญ่อาจสูงถึงพันราย สวนทางตัวเลขทางการ ชี้รัฐบาลลดจำนวนเพื่อเลี่ยงจ่ายเยียวยา และหวั่นคำครหานายก 1,000 ศพ
ชี้ยอดผู้เสียชีวิตอาจแตะเกินพันราย สวนทางตัวเลขทางการ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ว่าเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา อาจมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงถึงหลักครึ่งพันถึงกว่า 1,000 ราย ซึ่งต่างจากตัวเลขที่ กระทรวงสาธารณสุข รายงานอย่างมีนัยสำคัญ โดยอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยและคนในพื้นที่ที่ร่วมปฏิบัติงานเก็บกู้ศพ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลอาจพยายามลดจำนวนผู้เสียชีวิตเพื่อเลี่ยงภาระการจ่ายเงินเยียวยาศพละ 2 ล้านบาท และหลีกเลี่ยงไม่ให้ นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ถูกตั้งฉายาว่า “นายก 1,000 ศพ”
บิ๊กโจ๊กเผยข้อมูลภาคพื้นที่ ชี้ยอดจริงสูงกว่าที่รัฐบาลแจ้ง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่าข้อมูลที่ได้รับจากหน่วยกู้ภัยในพื้นที่หาดใหญ่สะท้อนจำนวนผู้เสียชีวิตที่สูงกว่าตัวเลขทางการอย่างชัดเจน โดยทีมกู้ภัยรายงานว่ามีการพบศพตามพื้นที่น้ำลดจำนวนมาก และการเก็บกู้ยังคงดำเนินต่อเนื่อง ซึ่งไม่สอดคล้องกับรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ถูกสรุปโดยหน่วยงานรัฐในช่วงวันเดียวกัน
เขากล่าวว่ารัฐบาลพยายามจัดหมวดหมู่ผู้เสียชีวิตว่าเกิดขึ้นในโรงพยาบาลหรือนอกโรงพยาบาล แต่ในความเป็นจริง เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นผลสืบเนื่องจากภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยที่ถูกน้ำท่วม ทำให้ต้องเข้ารักษาและเสียชีวิตในโรงพยาบาล หรือผู้ป่วยวิกฤติที่เสียชีวิตจากอุปกรณ์ช่วยชีวิตหยุดทำงานเพราะไฟฟ้าดับ ล้วนควรถูกรวมเป็นยอดผู้เสียชีวิตจากภัยน้ำท่วมทั้งสิ้น
ตั้งข้อสงสัยเรื่องเงินเยียวยา ชี้รัฐบาลกลัวภาพจำ “นายก 1,000 ศพ”
อดีตรองผบ.ตร.รายนี้มองว่า การที่รัฐบาลรายงานยอดผู้เสียชีวิตต่ำกว่าข้อมูลภาคพื้นที่ อาจเกี่ยวข้องกับวงเงินเยียวยาที่กำหนดไว้ศพละ 2 ล้านบาท หากมีผู้เสียชีวิตถึง 1,000 ราย รัฐบาลจะต้องจ่ายไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณจำนวนมหาศาลในภาวะวิกฤติ
เขาย้ำว่าสิ่งที่ออกมาเปิดเผยไม่ได้มีเจตนาโจมตีทางการเมือง แต่เป็นข้อเท็จจริงจากผู้ปฏิบัติในพื้นที่ พร้อมระบุว่าแม้จะชื่นชมรัฐบาลในบางเรื่อง แต่ในเหตุการณ์ครั้งนี้มองว่าการที่นายกรัฐมนตรีไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขตามสถานการณ์จริงถือเป็นความ “ใจดำเกินไป” และอาจทำให้ประชาชนขาดความไว้วางใจ
เรียกร้องนายกฯ ลงบัญชาการเอง ลดขั้นตอน-เลี่ยงการผิดกฎหมาย
สำหรับการจ่ายเงินเยียวยา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มองว่า นายกรัฐมนตรี ต้องเป็นผู้สั่งการโดยตรง หากต้องการให้กระบวนการเยียวยาเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากข้าราชการระดับปฏิบัติไม่กล้าลัดขั้นตอน เพราะเสี่ยงถูกตรวจสอบและถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เขาเห็นว่าหากผู้นำรัฐบาลกล้าตัดสินใจและประกาศรับผิดชอบต่อคำสั่ง จะช่วยให้การเยียวยาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสียหายทางสังคมที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้


