จับตาอนาคตการเมืองสุพรรณบุรี หลังประภัตร โพธสุธน ร่วมเฟรมอนุทิน–วราวุธ เกิดข่าวลือเตรียมย้ายสังกัดสู่พรรคภูมิใจไทย ส่งผลต่อทิศทางชาติไทยพัฒนาและสมดุลพลังเลือกตั้ง
ความเคลื่อนไหวทางการเมืองในสุพรรณบุรีร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อ ประภัตร โพธสุธน ส.ส.สุพรรณบุรี และเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา ปรากฏภาพคล้องแขนร่วมเฟรมกับ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รวมถึง วราวุธ ศิลปอาชา ในงานเมื่อค่ำวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแสจับตาถึงความเป็นไปได้ที่ประภัตรอาจเตรียมย้ายไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย ท่ามกลางบรรยากาศการปรับตัวของหลายพรรคก่อนเข้าสู่โหมดเลือกตั้งครั้งใหม่
ภาพคล้องแขน “อนุทิน–วราวุธ–ประภัตร” จุดกระแสการเมืองสุพรรณบุรี
กระแสข่าวการย้ายพรรคของ ประภัตร โพธสุธน กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลัง สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์ภาพร่วมเฟรมของผู้นำพรรคทั้งสองฝ่ายเมื่อเวลา 21.50 น. ในคืนวันที่ 1 ธันวาคม โดยระบุข้อความว่า “รักครับ” พร้อมอิโมจิรูปหัวใจสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำพรรคภูมิใจไทย
ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็วและถูกตีความว่าอาจเป็นสัญญาณทางการเมืองสำคัญ โดยเฉพาะในจังหวัดสุพรรณบุรีซึ่งถือเป็นฐานคะแนนสำคัญ และมีการแข่งขันสูงระหว่างพรรคการเมืองหลายขั้ว หลายฝ่ายจึงเชื่อว่า หากประภัตรเคลื่อนตัวจริง อาจส่งผลต่อดุลอำนาจของพรรคชาติไทยพัฒนาโดยตรง
ประวัติความสัมพันธ์และสัญญาณย้ายพรรคก่อนหน้านี้
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ประภัตร เคยถูกเชื่อมโยงว่าอาจร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม นำโดยกลุ่มผู้แทนที่เคยทำงานใกล้ชิดกัน อย่างไรก็ตาม กระแสดังกล่าวเงียบลงหลังการเปิดตัว วราวุธ ศิลปอาชา ที่ประกาศเตรียมเข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยอย่างเป็นทางการ
ขณะเปิดตัววันนั้น ยังมีการปรากฏตัวของบุคคลสำคัญในจังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ เสมอกัน เที่ยงธรรม ส.ส.สุพรรณบุรี, อนุรักษ์ จุรีมาศ ส.ส.ร้อยเอ็ด และ นิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งยิ่งเพิ่มความน่าจับตาว่าฐานอำนาจทางการเมืองของสุพรรณบุรีอาจกำลังถูกจัดระเบียบใหม่ภายใต้ร่มธงพรรคภูมิใจไทย
ความหมายทางการเมืองต่อชาติไทยพัฒนาและภูมิใจไทย
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกวิเคราะห์ว่าอาจกระทบต่อโครงสร้างของพรรคชาติไทยพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก ประภัตร ถือเป็นแกนกลางสำคัญของพรรค ทั้งในเชิงโครงสร้างและพื้นที่เลือกตั้ง การตัดสินใจของเขาอาจสะท้อนทิศทางใหม่ของกลุ่มการเมืองในจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานด้านอิทธิพลระดับประเทศ
ในอีกด้านหนึ่ง พรรคภูมิใจไทยยังเดินหน้าเสริมทัพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์เตรียมพร้อมก่อนเลือกตั้ง โดยการดึงบุคลากรที่มีฐานเสียงชัดเจนในแต่ละพื้นที่ อาจช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต


