อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุความคืบหน้าโครงการ คนละครึ่งพลัสเฟสสอง ว่ายังไม่สามารถดำเนินการได้ในช่วงยุบสภา เนื่องจากข้อจำกัดด้านการใช้งบประมาณกลาง ต้องรอให้มีรัฐบาลปกติเข้าบริหารประเทศก่อน โดยให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมชี้แจงประเด็นค่าเงินบาทแข็งค่าในรอบ 4 ปี ว่ารัฐบาลมอบหมายหน่วยงานเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อประเมินผลกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว และกำหนดแนวทางดูแลอย่างรอบคอบ
ย้ำข้อจำกัดช่วงยุบสภา ใช้งบกลางไม่ได้
อนุทิน ชาญวีรกูล ชี้แจงว่า ภายหลังการยุบสภา รัฐบาลต้องปฏิบัติตามกรอบกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยไม่สามารถนำงบประมาณกลางมาใช้ดำเนินโครงการใหม่ได้ ซึ่งรวมถึงโครงการคนละครึ่งพลัสเฟสสองด้วย
นายกรัฐมนตรีระบุว่า การดำเนินการทุกขั้นตอนต้องเป็นไปตามกติกา เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาทางกฎหมายและการเมือง ดังนั้นโครงการดังกล่าวจำเป็นต้องรอให้ได้รัฐบาลชุดใหม่ที่มีอำนาจเต็มก่อน จึงจะสามารถพิจารณาความเหมาะสมและความพร้อมด้านงบประมาณได้
ค่าเงินบาทแข็ง กระทบส่งออก-ท่องเที่ยว รัฐบาลติดตามใกล้ชิด
กรณีค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในรอบหลายปี อนุทิน ชาญวีรกูล ระบุว่า รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉย โดยได้มอบหมายให้ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมกันหารือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างต่อเนื่อง
การหารือดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อประเมินผลกระทบต่อภาคการส่งออกและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของเศรษฐกิจไทย พร้อมพิจารณามาตรการที่เหมาะสมในกรอบอำนาจของรัฐบาลรักษาการ เพื่อดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวม
คนละครึ่งพลัสเฟสสอง รอความชัดเจนรัฐบาลใหม่
เมื่อถูกถามถึงความคืบหน้าการหารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโครงการคนละครึ่งพลัสเฟสสอง อนุทิน ระบุว่า ขณะนี้สถานะรัฐบาลอยู่ในช่วงยุบสภา จึงต้องยึดหลักความรอบคอบเป็นสำคัญ
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า การผลักดันโครงการที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก จำเป็นต้องมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและมีอำนาจเต็ม เพื่อสร้างความชัดเจน โปร่งใส และความเชื่อมั่นต่อประชาชนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง


