นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรค ไทยภักดี เปิดเผยแนวนโยบายปราบปรามการทุจริต ก่อนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 โดยเสนอให้ยกเลิกการใช้ธนบัตรฉบับละ 500 และ 1,000 บาท เพื่อตัดวงจรเงินสดสีเทา ควบคู่กับการเพิ่มโทษสูงสุดต่อคดีทุจริตมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท รวมถึงแนวคิดให้ลงโทษประหารชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนด นโยบายดังกล่าวถูกหยิบยกขึ้นมาในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
วรงค์ ชูนโยบายปราบโกงเข้ม เพิ่มโทษเด็ดขาดคดีทุจริต
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า การปราบปรามการทุจริตหรือ “เงินสีเทา” จำเป็นต้องมีหลายองค์ประกอบ ทั้งความมุ่งมั่นของผู้มีอำนาจ การเพิ่มบทลงโทษ และการเปิดช่องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบอย่างจริงจัง
หนึ่งในแนวคิดที่ถูกนำเสนอ คือ การเสนอให้เพิ่มโทษประหารชีวิตในคดีทุจริตที่มีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท พร้อมกำหนดกรอบเวลาการบังคับใช้โทษอย่างรวดเร็ว รวมถึงตัดสิทธิการขอพระราชทานอภัยโทษ เพื่อสร้างแรงยับยั้งและความเกรงกลัวต่อการกระทำผิดในระดับโครงสร้าง
เหตุผลยกเลิกแบงก์ใหญ่ ตัดวงจรเงินสดสีเทา
หัวหน้าพรรคไทยภักดีอธิบายว่า เงินทุจริตและเงินสินบนส่วนใหญ่อยู่ในรูปของเงินสด โดยเฉพาะธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท และ 500 บาท เนื่องจากยากต่อการตรวจสอบเส้นทางการเงิน แตกต่างจากการโอนเงินหรือการชำระเป็นทรัพย์สิน ซึ่งมักทิ้งร่องรอยไว้ในระบบ
นพ.วรงค์ ระบุว่า แม้จะมีการใช้บัญชีม้าเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ แต่ท้ายที่สุดเงินจำนวนมากก็มักถูกถอนออกมาเป็นเงินสด เพื่อส่งต่อเป็นทอด ๆ การยกเลิกธนบัตรมูลค่าสูงจึงถูกมองว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งในการบีบให้เงินผิดกฎหมายเข้าสู่ระบบตรวจสอบได้ง่ายขึ้น
ชี้ไม่กระทบคนสุจริต เสนอช่วงเปลี่ยนผ่านชัดเจน
นพ.วรงค์ ยืนยันว่า การยกเลิกธนบัตร 500 และ 1,000 บาท จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั่วไป เนื่องจากสามารถใช้การโอนเงินผ่านระบบธนาคารหรือการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้ ขณะที่ผู้สูงอายุยังสามารถใช้ธนบัตรฉบับย่อย เช่น 20, 50 และ 100 บาทได้ตามปกติ
นอกจากนี้ พรรคไทยภักดียังเสนอให้มีช่วงเวลาผ่อนผัน เช่น 3 เดือน เพื่อให้ประชาชนนำเงินสดจำนวนมากไปฝากธนาคาร ซึ่งจะต้องมีการรายงานที่มาของเงินและการเสียภาษีอย่างถูกต้อง ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกในการตรวจสอบความโปร่งใสของระบบการเงิน
ยกตัวอย่างต่างประเทศ หนุนแนวคิดลดการใช้เงินสด
ในช่วงท้าย นพ.วรงค์ อ้างถึงกรณีศึกษาจากต่างประเทศ โดยระบุว่า อินเดียเคยประกาศยกเลิกธนบัตรฉบับละ 1,000 รูปี และให้ประชาชนนำมาแลกเป็นธนบัตรรุ่นใหม่ ขณะที่หลายเมืองในจีน โดยเฉพาะเซี่ยงไฮ้ แทบไม่รับเงินสด และใช้การชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันเป็นหลัก
ตัวอย่างเหล่านี้ถูกนำมาใช้สนับสนุนแนวคิดของพรรคไทยภักดี ว่าการลดบทบาทเงินสด โดยเฉพาะธนบัตรมูลค่าสูง อาจเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการปราบปรามการทุจริตเชิงโครงสร้างของประเทศ


