กมธ.ประชามติ ชงรายงานให้สองสภาแล้ว ‘นิกร’ รับ มีรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่ทันรัฐบาลนี้

กมธ.ประชามติ เสนอรายงาน ให้สองสภาแล้ววันนี้ จ่อถก 17 และ 18 ธ.ค. “นิกร” รับ มีรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่ทันรัฐบาลนี้ สว. ยัน ไม่มีธงในใจ พร้อมรับฟังความเห็น

เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 4 ธ.ค. 2567 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ นำโดย นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. โฆษก กมธ., นายกฤช เอื้อวงศ์ โฆษก กมธ. และนายนิกร จำนง เลขานุการ กมธ. ร่วมกันแถลงถึงมติของกมธ.

โดยนายนิกร กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมนัดสุดท้าย ซึ่งกมธ.จะสรุปรายงานของกมธ.ร่วมฯ ที่เห็นชอบร่างกฎหมายประชามติของวุฒิสภาที่ให้ใช้เสียงข้างมากสองชั้นในการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ คือ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียง และมีคะแนนเสียงเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียง

โดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. ในฐานะประธานกมธ.ได้ลงนามในรายงานฉบับนี้แล้ว และจะเสนอไปยังสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ในวันนี้

เบื้องต้นตนทราบว่า ทางวุฒิสภาจะนำเข้าสู่ที่ประชุม สว. ในวันที่ 17 ธ.ค. ขณะที่สส.จะนำเข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 18 ธ.ค. หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับความเห็นของทั้ง 2 สภา ซึ่งเชื่อว่า สส. และสว.จะยืนยันจุดยืนของตัวเอง ส่งผลให้ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ จะถูกแขวนไว้ 180 วัน หลังจากนั้น หากสส.ยังยืนยันในหลักการของตัวเองจึงจะประกาศบังคับใช้ได้

เมื่อถามว่าการที่ต้องพักร่างกฎหมายฉบับนี้ไว้ 6 เดือน จะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่ทันในสมัยนี้ใช่หรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า หากทำทั้งฉบับจะไม่ทันในสภาฯ ชุดนี้แน่ เพราะนอกจากจะต้องรอ 180 วันแล้ว ยังต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องอีก 1 เดือนจึงจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้

ขณะที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะต้องเชิญ กกต. และสำนักงบประมาณมาชี้แจงว่า จะต้องใช้งบประมาณในการทำประชามติเท่าไหร่ เพื่อส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ลงมติ จากนั้น จึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการทำประชามติ รวมแล้วใช้เวลาเกือบปี

“ดังนั้น คาดว่าจะทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญได้ ช่วงปลายเดือน ธ.ค. 2568 ถึงต้นเดือน ม.ค. 2569 จึงค่อยดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 ดูแล้วไม่น่าจะมีรัฐธรรมนูญใหม่ทันในรัฐบาลชุดนี้” นายนิกร กล่าว

นายนิกร กล่าวต่อว่า ส่วนตัวมองว่าจะต้องทำประชามติ 3 ครั้งในการแก้รัฐธรรมนูญ แม้จะมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ก็มีเวลาไม่เยอะ อาจจะต้องขอเวลาคุยกับ สว. เพื่อให้การแก้ไขเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงอยากให้รัฐบาลมีร่างหลักในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของตัวเองในนามพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปในทางเดียวกัน

ด้านนายวุฒิชาติ กล่าวว่า สว.ไม่ได้เหนื่อยฟรีในการแก้ไขกฎหมายประชามติ ต่างคนต่างเคารพความเห็นซึ่งกันและกัน หากแก้ไม่ทันก็ต้องมาพิจารณาแก้รายมาตรา สว.ไม่ได้ยึดหลักเสียงข้างมากสองชั้นทั้งหมด จะดูเฉพาะเรื่องที่ไม่ผูกพันกับคนทั้งประเทศ

หากจะแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา ต้องดูว่าจะแก้ในเรื่องใด และประชาชนมีส่วนร่วมมากแค่ไหน กรณีการแก้ไขมาตรา 256 สว.ยังไม่มีความเห็น แต่เราไม่มีธง พร้อมรับฟังความคิดเห็น

ขณะที่นายกฤช กล่าวว่า เงื่อนไขอยู่ที่จะทำประชามติกี่ครั้ง หากทำประชามติ 3 ครั้ง ตนเคยประมาณการณ์เอาไว้คร่าวๆ ว่า จะใช้เวลา 2 ปี ซึ่งจะพ้นระยะเวลาของสภาฯ ชุดนี้ แต่อย่างน้อยที่สุดช่วงเวลานี้ก็จะมี สสร. เพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

แต่หากทำประชามติ 2 ครั้ง ระยะเวลาก็จะสั้นลงมาอย่างน้อย 180 วัน ซึ่งอาจจะทันอายุของสภาชุดนี้ แต่ทั้งนี้เราก็ยังไม่ได้คำตอบสุดท้ายว่า จะทำประชามติทั้งหมดกี่ครั้ง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการเสนอแก้มาตรา 256 ด้วย เพราะต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วย แต่หากไม่ได้รับความเห็นชอบก็จะไปสู่ทางตัน

ข้อมูล/ภาพ : ข่าวสด

“บุญทรง” ปรากฏตัวครั้งแรกหลังพักโทษ รายงานตัวคุมประพฤติเชียงใหม่

“นฤมล” ยันตรวจสอบ “ไร่ภูนับดาว” ไม่ใช่การแก้แค้นทางการเมือง