“สนธิ” ยื่นหนังสือ “นายกฯ อิ๊งค์” ยกเลิก MOU 44 ขีดเส้น 15 วัน กลับมาทวงคำตอบ

“สนธิ-ปานเทพ” พร้อมมวลชนบุกทำเนียบฯ ยื่นหนังสือถึง “นายกฯ อิ๊งค์” เรียกร้องยกเลิก MOU 44 และ JC 44 ขีดเส้น 15 วัน กลับมาทวงคำตอบ ลั่น พร้อมลงถนน สู้ครั้งนี้ต้องชนะลูกเดียว

เมื่อเวลา 09.38 น. วันที่ 9 ธันวาคม 2567 นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางมาถึงศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล โดยทันทีที่นายสนธิลงจากรถ มวลชนต่างตะโกนว่า “สนธิสู้ๆ” โดยวันนี้มีนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต, นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา อดีตทนายความ กปปส. รวมถึงมวลชนมารวมตัวกัน เพื่อยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ยกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 พร้อมนำสไลด์แผนที่แสดงภาพ ส.ค.ส. พ.ศ. 2547 ซึ่งเป็นภาพแผนที่ตามพระบรมราชโองการ ประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทย พ.ศ. 2516 มาแสดง

จากนั้นนายสนธิและนายปานเทพเป็นตัวแทนยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับหนังสือ เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีหยุดการปฏิบัติหน้าที่การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์เส้นไหล่ทวีปราชอาณาจักรไทยกับกัมพูชา (MOU 2544) และแถลงการณ์ร่วมระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC 2544) เพราะมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนต่อพระบรมราชโองการในการประกาศทะเลอาณาเขตและเขตทะเลต่อเนื่อง ตลอดจนประกาศเส้นเขตไหล่ทวีป ตามอนุสัญญากรุงเจนีวาว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ค.ศ. 1985 และกฎหมายอื่นๆ ซึ่งยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และยังไม่มีพระบรมราชโองการประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น จึงต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้ปฏิบัติตามข้อเสนอภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ

สำหรับข้อเรียกร้อง 6 ข้อ ได้แก่

1. ขอให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีรักษาไว้ซึ่งเอกราชและอธิปไตยของไทย และแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย เขตต่อเนื่องรอบเกาะกูด รวมทั้งเขตไหล่ทวีป ซึ่งเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญของรัฐบาล

2. ขอให้นายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณามีมติให้ส่ง MOU 2544 และ JC 2544 ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติมาตรา 1 และมาตรา 224 ของรัฐธรรมนูญไทยหรือไม่

3. หากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า MOU 2544 และ JC 2544 ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิกการเจรจาตาม MOU 2544 และ JC 2544 เพื่อปฏิเสธเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาทันที

4. แต่หากศาลวินิจฉัยแล้วว่าไม่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ขอให้คณะรัฐมนตรีจัดให้มีการเจรจากับกัมพูชา เพื่อยกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ทันที โดยให้เจรจากันใหม่ภายใต้การกำหนดขอบเขตเฉพาะพื้นที่พัฒนาร่วมบนพื้นฐานโดยใช้หลักการของเส้นมัธยะ

5. ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (JTC) ไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยและมีการดำเนินการให้ถูกต้อง

6. จัดเวทีสาธารณะแก่ประชาชนเรื่อง MOU 2544 และ JC 2544 โดยให้ความรู้ความเข้าใจที่เป็นกลาง เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศ

ทั้งนี้ ขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณากลับภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณา

นายสนธิ กล่าวต่อไป มีคำถามว่า MOU 2544 เกิดขึ้นได้อย่างไร คำตอบคือเกิดขึ้นเพราะนายทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นนายกรัฐมนตรีในตอนนั้นจับมือกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อร่าง MOU 2544 ลากเส้นของตัวเองเข้ามากินในพื้นที่ของคนไทย และคนร่าง MOU 2544 คือ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถามว่าทำไมถึงกล้าพอที่จะร่าง เหตุผลเพราะนายสุรเกียรติ์ต้องการให้นายทักษิณส่งเสริมให้ตัวเองเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นเลขาธิการสหประชาชาติในตอนนั้น

ก่อนจะกล่าวอีกว่า ประเทศไทยไม่เคยมีพื้นที่ทับซ้อน แต่เรามีนายกฯ ทับซ้อน ตนกล้าพูดว่า MOU 2544 เป็น MOU ขายชาติ ตนให้เวลารัฐบาลชุดนี้ 15 วัน หลังจากนั้นจะมาติดตามผล ซึ่งขั้นตอนต่อไปจะร้องเรียนต่อสภาผู้แทนราษฎร และจะส่งเอกสารให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ทุกคนยืนยันสิทธิ์ของประเทศไทย หาก สส. หรือ สว. คนไหนลงมติเห็นชอบ MOU 2544 จะถือว่าอยู่ในขบวนการร่วมกันขายชาติ หากอนาคตความจริงปรากฏ จะทำให้ สส. และ สว. ที่ยกมือก็จะติดคุกติดตารางในฐานะขายชาติ นอกจากนี้ จะยื่นหนังสือร้องเรียนที่กระทรวงการต่างประเทศ เพราะต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศ ข้าราชการ โดยเฉพาะกรมสนธิสัญญา ได้รับทราบว่าถ้าท่านไม่ปกป้องอาณาเขตไทย ร่างสัญญาใหม่แล้วตกลงทำตาม ท่านก็คือข้าราชการขายชาติเช่นกัน

“นี่คือประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ทำอะไรครั้งนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวัง การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องชนะลูกเดียว พวกแกนนำเก่าๆ พากันพูดว่าไม่มีมวลชนแล้ว วันนี้ผมไม่ได้ปลุกระดมพ่อแม่พี่น้อง แต่ว่ามากันด้วยใจ ถ้าถึงเวลาที่จะต้องลงถนนกันก็จะมามากกว่านี้เป็นพันเท่า ถ้าอะไรที่เป็นของเราแล้วมาเอาไปก็ต้องเจอกัน บางคนพูดถึงเรื่องเก่าว่าประเทศไม่เดินหน้าเพราะการประท้วง และผมเป็นสารตั้งต้นความวุ่นวาย ผมถามกลับว่าที่ประท้วงในปี 2548 เราประท้วงใคร และเรื่องอะไร ใช้เวลา 18 ปี เพื่อพิสูจน์ว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ให้นายทักษิณสารภาพผิด และบรรจุลงในราชกิจจานุเบกษาว่าได้คดโกงประเทศชาติอย่างไร ความจริงและประวัติศาสตร์รอมาตั้ง 18 ปี”

ในช่วงท้าย นายสนธิ ยังได้ขอถามถึงนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ว่า ตนและพวกทำผิดตรงไหนที่ไม่ยอมส่งดินแดนของเราให้กับกัมพูชา เพียงเพราะนายกฯ ทับซ้อนบางคนมีข้อตกลงกัน จะแบ่งผลประโยชน์กัน 50 : 50

ข้อมูล/ภาพ : ไทยรัฐ

สสจ.อุดรฯ แถลง “ผิง ชญาดา” ติดเชื้อในกระแสเลือด-มีเชื้อรา

“วัดพลังบ้านใหญ่” ศึกชิง นายกอบจ.อุตรดิตถ์