“อนุทิน” ชี้เคสปราจีนบุรี ไม่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล เหตุทะเลาะวิวาทบันดาลโทสะ

“อนุทิน ชาญวีรกูล” ชี้เคสปราจีนบุรี ไม่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล เป็นเหตุทะเลาะวิวาทบันดาลโทสะ พร้อมเชียร์ “นายกฯ” นั่งประธานปราบอิทธิพล หวังดึงตำรวจ-ทหาร ร่วมด้วย

วันที่ 17 ธ.ค. 2567 นายอนุทิน​ ชาญ​วี​ร​กูล​  รอง​นายก​รัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี​ เตรียมเดินหน้าการปราบปรามผู้มีอิทธิพล​ นั้นว่า​ เหมือนนายกฯกลับมาขันน็อต แต่จริงๆแล้วกระทรวงมหาดไทยปฏิบัติมาตลอดอยู่แล้ว กรณีที่เกิดขึ้นที่ปราจีนบุรีคือ เหตุการณ์​เกิดขึ้นในบ้านพัก​ เป็นการทะเลาะวิวาทและบันดาลโทสะ ใครทำอะไรไปก็ต้องรับผลกรรม แต่ถ้าจะออกไปซ่าข้างนอกไม่เหลือ ทำไม่ได้​

เมื่อถามว่า​ ต้องยอมรับว่าเขาเป็นบ้านใหญ่ที่นั่นตำรวจเลยมีการขยายผล​ ปูพรมตรวจทุกพื้นที่​ นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ ก็ดี​  ถือว่าธรรมชาติจัดสรร ถ้าใครทำไม่ดีก็ต้องถูกขยายผล ว่าเกี่ยวพันไปถึงใคร​ ถ้าเป็นเรื่องผู้มีอิทธิพล​ เรื่องปืน​ เรื่องข่มขู่ ก็ต้องเข้าไปจัดการ ใครจะไปช่วยไม่เห็นมีใครช่วยเลย บางทีกฎหมายก็จัดการ​ บางทีธรรมชาติก็เข้าไปจัดการ​ คนที่ได้ประโยชน์คือประชาชนและประเทศชาติ​ 

เมื่อถามว่า​ ก่อนหน้านี้เคยมอบหมายให้นายชาดา​ ไทยเศรษฐ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย​ เป็นผู้ปราบปรามผู้มีอิทธิพลครั้งนี้จะมอบหมายให้กับนางสาวซาบีดา​ ไทย​เศรษฐ์​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดูแลหรือไม่​  นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ รอบนี้เป็นคุณอนุทินแล้วครับ​

เมื่อถามว่านายทักษิณ​ ชินวัตร​ อดีต​นายก​รัฐมนตรี​ จะรื้อฟื้นเหมือนในอดีตที่ให้มีการตงั้ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด​  นายอนุทิน​ กล่าว​ว่า​ ถ้าได้นายกฯมาช่วยอีกแรงยิ่งดีใหญ่เลย เพราะกระทรวงมหาดไทย​ ก็ใช้กลไกของกระทรวง ถ้ามีนายกฯมาก็จะมีกลไกตำรวจ กลไกทหาร และกลไกความมั่นคงต่างๆก็จะเป็นการบูรณาการที่สมบูรณ์แบบ ดีใจ และยินดีถ้าท่านลงมาช่วยอีกแรงได้จริง

เมื่อถามว่า อาจเป็นรูปแบบคณะกรรมการเฉพาะกิจที่มีนายกฯเป็นประธาน นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ยิ่งดี ถ้าได้คนที่มีอำนาจสั่งการสูงสุดเข้ามาก็เป็นประโยชน์คงไม่มีใครใหญ่กว่านายกฯ

เมื่อถามว่า​ ตอนที่กระทรวงมหาดไทยมีการลิสต์รายชื่อผู้มีอิทธิพล​ มีรายชื่อของบ้านใหญ่ปราจีนบุรีอยู่ด้วยหรือไม่​ นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ คำว่ามีอิทธิพลมีหลายอย่าง​ การทำให้ชาวบ้านเชื่อถือเคารพศรัทธา​ ก็ถือว่าเป็นอิทธิพล​ ถ้าแบบนี้ไม่เป็นไร​ ทุกคนมีอิทธิพลหมด​ ขึ้นอยู่กับว่าจะไปทำให้เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง​ หรือทำให้ผู้คนเดือดร้อน​ เราก็มุ่งไปปราบอิทธิพลที่ทำให้ผู้คนเดือดร้อน​

“ถ้าเขาทะเลาะวิวาทกันเองบันดาลโทสะกัน ตรงนี้ไม่อยู่ในข่าย แต่ต้องไปดูว่าอาวุธปืน มาจากไหน ต้องไปขยายความ เพราะอาวุธปืนที่ใช้ดูแล้วคนธรรมดาก็ไม่ได้พกพาอะไรขนาดนั้น ในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่แยกแยะออก ว่าใช้อิทธิพลในการประกอบคุณงามความดี หรือใช้อิทธิพลในการข่มเหงรังแกชาวบ้าน​ นายอำเภอผู้ว่าตำรวจดูออกอยู่แล้วตนเองก็ดูออก​”นายอนุทินกล่าว

ข้อมูล/ภาพ : พีพีทีวี

ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับคำร้องปมเอื้อ “ทักษิณ” นอนชั้น 14 รพ.ตำรวจ

ข่าวดี! ปีใหม่ 2568 นี้ ครม.ไฟเขียว ขึ้นทางด่วน ยาว 8 วัน