“นายกฯ อิ๊งค์” คิกออฟ 30 บาทรักษาทุกที่ เฟส 4 ครอบคลุมทั่วไทย 1 ม.ค. 68 เดินหน้าสร้างนักบริบาลผู้สูงอายุ 15,000 ตำแหน่ง สร้างงานนักศึกษาจบใหม่-คนเกษียณอายุ บอก เมอร์รี่คริสต์มาส หลังถูกถามจะไปตอบกระทู้ในสภาพรุ่งนี้หรือไม่

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ธันวาคม 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “Kick off 30 บาท รักษาทุกที่ เพื่อคนไทย สุขภาพดีถ้วนหน้า ระยะที่ 4 ครอบคลุมทั่วประเทศ 1 มกราคม 2568” โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมภาคีเครือข่ายภาคประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอเมอร์รี่คริสต์มาส วันนี้เป็นวันที่สดใสอีกวัน เป็นวันฤกษ์งามยามดีที่เราได้เปิดเฟส 4 ซึ่งจะเริ่มใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2568 ทั่วประเทศ เพื่อลดปัญหาต่างๆ ของประชาชน ให้สามารถใช้ 30 บาทรักษาทุกที่ได้ทุกจังหวัด ถือเป็นความคืบหน้าเรื่องหนึ่งที่ดี เราใช้เวลา 1 ปีในการทำให้ครบทุกเขต และใช้ 2 ทศวรรษ (20 ปี) จากการพัฒนานโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค มาถึง 30 บาทรักษาทุกที่ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายของประชาชนจากเมื่อก่อนที่ต้องกู้หนี้ยืมสินมา เพื่อจ่ายค่ารักษา ค่าผ่าตัด แต่ 30 บาทช่วยชีวิตประชาชนให้ไม่ต้องล้มละลาย ไม่ต้องขายที่ ไม่ต้องกู้ยืม ไม่ต้องรักษาตัวเสร็จแล้วติดหนี้เพิ่ม กลายเป็นปัญหาครอบครัว 30 บาทได้ช่วยประชาชนไว้ได้เยอะมาก จนถึงวันนี้โลกเปลี่ยนไปเยอะ เทคโนโลยีเข้ามาเราเปลี่ยนเป็นดิจิทัล ประชาชนที่ไปต่อคิวนานสามารถจองผ่านแอปพลิเคชันได้แล้ว ไม่ต้องไปรอนานหรือเสียเวลาเป็นวันต่อคิวรอรับการรักษา บางทีการเจ็บป่วยเล็กน้อยไม่ต้องต่อคิวยาว เราเล็งเห็นนโยบายนี้ต้องได้รับการปรับปรุงเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย และช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชนต่อไปอีกในวันข้างหน้า

“วันนี้ 30 บาทรักษาทุกที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลทั้งหมด 100% แล้ว ประชาชนทุกคนที่มีบัตรประจำตัวได้รับบริการรักษาที่สะดวกรวดเร็วขึ้น จากนี้สามารถจองล่วงหน้าไม่ต้องเสียเวลาไปรอ หากทราบวันเวลาที่สะดวกสามารถเข้าพบหมอได้เลย นอกจากนั้น ยังพัฒนาการหาหมอออนไลน์ ไม่ต้องไปโรงพยาบาล สามารถเจอตู้หมอก็รักษาออนไลน์ได้ผ่านจอ และคุณหมอสามารถให้ยาได้ในการเจ็บป่วยเบื้องต้น”
สำหรับผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้าย สามารถรับการรักษาเหล่านี้ได้ที่บ้าน โดยจะมีเครื่องฟอกไตให้ผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายได้ยืมใช้ที่บ้าน เพื่อเพิ่มความสะดวกและลดเรื่องของการเดินทาง ลดระยะเวลารอคอย และลดความแออัดของโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นการแบ่งเบาแพทย์และพยาบาล เราจะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ที่จะเกิดขึ้น ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เลือกใช้คลินิกหรือสถานีอนามัยใกล้บ้านมากกว่าที่จะต้องไปในโรงพยาบาลเอง เมื่อมีบริการเช่นนี้ไม่มีใครอยากจะเสียเวลาในการเดินทาง บางพื้นที่ลำบาก
นอกจากนี้ มีข้อมูลเพิ่มว่าคนที่ไม่เคยใช้ 30 บาทรักษาทุกโรค มาใช้ 30 บาทรักษาทุกที่ มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 80,000 คน และในปี 2568 รัฐบาลจะมีแนวทางในการพัฒนาระบบของสาธารณสุข บริการสุขภาพของผู้สูงอายุเพิ่มในเรื่องของการดูแลผู้ป่วยติดเตียง เพื่อที่จะดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย โดยรัฐบาลเปิดรับนักบริบาลผู้สูงอายุ 15,000 ตำแหน่งทั่วประเทศ เพื่อเน้นการจ้างงาน 2 กลุ่ม คือกลุ่มนิสิต นักศึกษาที่จบใหม่ที่กำลังหางาน ให้เป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุและดูแลคนป่วย และ 2 กลุ่มที่เพิ่งเกษียณอายุ 60 ปี ไม่มีงานให้มีงานทำ หารายได้เพิ่มเปิด 15,000 ตำแหน่งทั่วประเทศ ดูแลผู้สูงอายุทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เราพัฒนาการดูแลสุขภาพของประชาชน ด้วยการตรวจวัดกรองด้วยตนเองรูปแบบใหม่ ใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียวไปขอรับที่ร้านขายยา คัดกรองเร็วรักษาง่ายทั้งชุดตรวจมะเร็งปากมดลูก ชุดตรวจติดเชื้อเอชไอวี และชุดตรวจพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี เพิ่มชุดตรวจไมโครอัลบูมินในปัสสาวะ ที่ป้องกันโรคไตเสื่อมจากเบาหวาน นอกจากสุขภาพแล้วเรายังเน้นย้ำเรื่องของสุขภาพจิตให้ได้รับการดูแลครบวงจรทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะทุกวันนี้มีปัญหาเกิดขึ้นมากมายที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วบางคนต้องใช้การปรับตัวอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลเล็งเห็นว่าเรื่องของสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญ จึงต้องเน้นย้ำและขยายในเรื่องของผู้บำบัดให้มากยิ่งขึ้น เพราะในประเทศไทยของเรายังมีไม่มากพอวันนี้ต้องการบอกทุกท่านให้ทราบว่ารัฐบาลพร้อมที่จะดูแลทุกคน ทุกจังหวัดในประเทศไทยให้อยู่ในความดูแลที่รวดเร็วและสะดวกสบาย
“ใกล้วันปีใหม่ ดิฉันขออวยพรทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเรา สุขภาพดีก็จะมีแรงทำงาน พัฒนาตัวเองและครอบครัวไปจนถึงพัฒนาประเทศ ขอให้ทุกคนแข็งแรงสดใสมีความสุขทั้งสุขกายและสบายใจ ขอให้ปีหน้า เป็นปีแห่งโอกาสที่ทุกท่านทำอะไรก็ขอให้ประสบความสำเร็จรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มาร่วมในการเปิดเฟสสุดท้ายของ 30 บาทรักษาทุกที่ก็หวังว่าคนไทยจะมีสุขภาพดีกันทั่วหน้า”
จากนั้นนายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการบริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี ซึ่งเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ เช่น แอปพลิเคชันทางรัฐ เปิดตัว 6 ฟีเจอร์ใหม่ สิทธิการรักษาพยาบาล 30 บาทรักษาทุกที่ ดูขั้นตอนการพบหมอออนไลน์ผ่านตู้ห่วงใย เป็นต้น
ต่อมาเวลา 10.55 น. ผู้สื่อข่าวสอบถามนายกรัฐมนตรี ภายหลังเสร็จสิ้นการเปิดงาน Kick off 30 บาท รักษาทุกที่ เพื่อคนไทย สุขภาพดีถ้วนหน้า ระยะที่ 4 ครอบคลุมทั่วประเทศ ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านอยากให้นายกรัฐมนตรีไปตอบกระทู้ที่สภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 26 ธันวาคม 2567 พอจะมีเวลาหรือไม่ โดยนายกรัฐมนตรีหันมายิ้มและกล่าวเพียงว่า “เมอร์รี่คริสต์มาสนะคะ” แต่ไม่ตอบคำถาม
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปอีกว่ากรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศในเวทีหาเสียงที่จังหวัดเชียงใหม่ ว่าจะไม่ยุบสภา รัฐบาลมีแนวทางเป็นแบบนั้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า “ยังไม่เห็นมีใครคุยกันเรื่องยุบสภาเลย ก็เลยงงว่ามาได้อย่างไร”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเวลา 12.59 น. นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพคู่กับแฟ้มงาน พร้อมระบุข้อความว่า “แฟ้มส่งท้ายปี 2567 และเตรียมงานให้พร้อมสำหรับสวัสดีปีใหม่ 2568 ค่ะ”
ข้อมูล/ภาพ : ไทยรัฐ
