หลังประกาศบนเวทีปราศรัยว่าจะตามเอาคืนบรรดานักร้องเรียน ล่าสุด “ทักษิณ” เริ่มเช็กบิลโดยมอบหมายทนายให้แจ้งความ “ธีรยุทธ” ฐานหมิ่นประมาท
หลังศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รับคำร้องกรณีที่ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และพรรคเพื่อไทย ยุติการกระทำอันเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 49 ซึ่งต่อมานายทักษิณ ก็ให้สัมภาษณ์และประกาศบนเวทีปราศรัยในทำนองให้พวกชอบร้องตั้งรับให้ดี
ล่าสุดนายทักษิณได้มอบอำนาจให้ทนายความแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อดำเนินคดีกับนายธีรยุทธ ข้อหากระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณีที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนบริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญที่ยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามมาตรา 49 กล่าวอ้างว่า นายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ซึ่งตำรวจได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยให้นายธีรยุทธให้ปากคำในวันที่ 10 มกราคม 2568 ทีมข่าวพยายามโทรศัพท์สอบถามนายธีรยุทธ แต่นายธีรยุทธไม่รับสาย
ด้าน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ อีกหนึ่งนักร้อง มองกรณีนี้ว่า เป็นสิทธิ์ของผู้ถูกร้อง หากนายทักษิณรู้สึกว่าได้รับความเสียหายจากการให้สัมภาษณ์ก็มีสิทธิ์ที่จะฟ้องได้ ในข้อหาหมิ่นประมาท
ส่วนการที่นายทักษิณเริ่มตอกกลับนักร้อง ขณะนี้ไม่เป็นไปในเชิงการเช็กบิล เพราะเพิ่งมีการฟ้องไปที่ นายธีรยุทธ์ สุวรรณเกษร เพียงคนเดียว
ซึ่งตนมองว่า การร้องของนายธีรยุทธ์ที่ผ่านมา ยังมีปัญหาเรื่องการร้องผิดจุด ที่ยื่นร้องมาตรา 49 กับศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะไปยื่นร้องที่ กกต.แทน และการนำเหตุการณ์บ้านจันทร์ส่องหล้าของนายธีรยุทธ์ไปร้องครอบงำนั้น มีหลักฐานไม่เพียงพอ เพราะไม่มีภาพหรือคลิปในบ้านขณะนั้น
นายเรืองไกร ยังมองว่าในส่วนของตน ปมการครอบงำ เป็นการร้องไปที่ กกต. ซึ่ง 8 มกราคมนี้ ทาง กกต. ก็ได้เชิญให้ตนไปให้ถ้อยคำและหลักฐานเพิ่มเติมในคำร้องครอบงำพรรคเพื่อไทย
นายเรืองไกร บอกต่อว่า ในเรื่องของนายทักษิณ ที่ตนร้องครอบงำพรรคนั้น เพราะนายทักษิณพูดเหมือนตัวเองเป็นนายกฯ ครม.ทุกคนฟัง แม้กระทั่งตัวลูกสาวที่เป็นนายกฯ เองก็ฟัง จึงไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วการที่นายทักษิณ ให้ลูกสาวขึ้นมา เพราะนายทักษิณจะได้ควบคุมได้เต็มที่หรือไม่ หากเป็นไปตาม ลักษณะนี้เมื่อไหร่ ก็จะเข้าข่ายครอบงำควบคุมชี้นำ
เมื่อถามว่ากลัวหรือกังวลหรือไม่ที่อาจเป็นนักร้องคนถัดไปที่ถูกแจ้งความ นายเรืองไกร กล่าวว่า ไม่กังวล และตนก็ร้องเรื่องนายทักษิณมานาน ตอนนายทักษิณถูกยึดทรัพย์ตนก็เห็นแย้งว่าทำไม่ถูก และตนยังเป็นพยานในคดีจำนำข้าว ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตนร้อง ไม่ได้เพราะไม่ชอบใคร แต่มีหน้าที่ตรวจสอบ
ส่วนหลังจากนี้มีแผนการทำงานต่อไปอย่างไร นายเรืองไกร เผยว่า คงทำงานได้น้อยลงเพราะสุขภาพเริ่มไม่ค่อยดี มีปัญหาเรื่องหัวใจ ที่ระยะหลังห่างหายไปเพราะต้องดูแลสุขภาพ แต่ยังคงติดตามข่าวสารเสมอ
ทั้งนี้เมื่อถามว่ามีอะไรอยากฝากถึงนายทักษิณหรือไม่ นายเรืองไกรกล่าวว่า ตนกับนายทักษิณไม่มีอะไร ตรงไปตรงมา แต่ที่ตนไม่กลับไปพรรคเพื่อไทย ทั้ง ๆ ที่มีการมาชวนหลายครั้ง เพราะตนถือความตรงไปตรงมา และความซื่อสัตย์ ไม่ใช่หมาในบ้านใคร ออกไปข้างนอกตนเป็นเสือ

ข้อมูล/ภาพ : พีพีทีวี