ภูมิธรรม เข้มสกัดยาเสพติด ยกท่าวังผาโมเดลเป็นต้นแบบ ซีลชายแดน 2 ชั้น คิกออฟ 30 ม.ค.

ภูมิธรรม เพิ่มมาตรการเข้มสกัดกั้นยาเสพติด ซีลชายแดน 2 ชั้น ยกท่าวังผาโมเดลเป็นต้นแบบ เตรียมคิกออฟ 30 ม.ค.68 พร้อมประเมินผลงานทุก 6 เดือน

เมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ปัญหายาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้แก้ไขปัญหายาเสพติด โดยรัฐบาลได้วางแนวทางการสกัดกั้นยาเสพติดที่ชัดเจน พร้อมบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงกลาโหม (กห.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.), กองอำนวยการความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), กระทรวงยุติธรรม, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกระทรวงมหาดไทย เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติดผ่านแนวชายแดน โดยกำหนดเป้าหมายระยะสั้น และมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนโดยจะต้องเห็นผลภายใน 6 เดือน ซึ่งจะเริ่มคิกออฟ ในวันที่ 30 มกราคมนี้

ส่วนแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน การสกัดกั้นยาเสพติดครั้งนี้จะใช้แนวทาง “ซีลชายแดนสองชั้น” เพื่อสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ชายแดนที่มีความเสี่ยงสูงของพื้นที่ 51 อำเภอ ใน 14 จังหวัด โดยแบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ชั้น ได้แก่ ชั้นแรก (แนวชายแดน) เป็นความรับผิดชอบของกองกำลังป้องกันชายแดน สนธิกำลังระหว่างตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยที่ทหารรับผิดชอบดูแลสกัดกั้นตามแนวชายแดน ซึ่งจะเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจและสกัดจับยาเสพติดตามช่องทางธรรมชาติ เน้นการป้องกันและสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ที่มียาเสพติดเข้ามาปริมาณมาก เนื่องจากชายแดนไทยกว้างขวางและยาว มีช่องทางธรรมชาติอีกจำนวนมาก

และในชั้นที่สอง (พื้นที่ตอนในระดับอำเภอ) เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่าง ตำรวจ นายอำเภอ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ในการป้องกันและสกัดกั้นยาเสพติด

ทั้งการจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด จัดชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ ซึ่งจะมีการเรียกประชุมผู้กำกับการสถานีตำรวจ 76 สถานีตำรวจ, นายอำเภอ 51 อำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่เป้าหมายเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา พร้อมมีการประเมินผลงานทุกวงรอบ 6 เดือน โดยใช้โมเดลต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ เช่น ท่าวังผาโมเดล (จ.น่าน) ซึ่งมีวิธีการดำเนินโครงการฯ ดังนี้ สำรวจพื้นที่, แยกผู้เสพ ยึดทรัพย์ จับคนขาย, ฟื้นฟูผู้ป่วย และส่งลูกหลานกลับสู่สังคม และธวัชบุรีโมเดล (จ.ร้อยเอ็ด) ดำเนินโครงการฯ ดังนี้

ชุดปฏิบัติการ ปปส. ซักถามกรอกแบบฟอร์ม ทำรายงานสืบสวน, กรอกข้อมูลเข้าระบบออนไลน์ อุปกรณ์ตรวจปัสสาวะ บันทึกเข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์, การขยายผล/รวบรวมพยานหลักฐาน, เครือข่าย (ผู้ค้า, ผู้เสพ), วิเคราะห์ข้อมูล, ส่งพนักงานสอบสวน และขยายผล/ยึดทรัพย์/ฟอกเงิน ใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหา

ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวมีเป้าหมายที่สำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ชายแดนเชิงรุกและบูรณาการเพื่อลดปัญหาในระยะยาว มุ่งสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงในพื้นที่ พร้อมทั้งลดปัญหาผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งการร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กอ.รมน. หน่วยงานความมั่นคง จะสามารถช่วยในการป้องกันและสกัดกั้นยาเสพติดในระดับพื้นที่ได้ โดยมอบอำนาจการควบคุมลงไปถึงระดับอำเภอ คือนายอำเภอ ระดับสถานีตำรวจ คือผู้กำกับ ในการช่วยกันป้องกัน สกัดกั้น ปราบปราม และเฝ้าระวังตรวจตราในพื้นที่เป้าหมาย การดำเนินงานในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการแก้ปัญหายาเสพติดให้หมดไปจากประเทศไทย ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้เกิดความปลอดภัย พร้อมมุ่งมั่นให้ปี 2568 เป็นปีที่ปัญหายาเสพติดได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม

ข้อมูล/ภาพ : มติชน

นายกฯ ลงพื้นที่ ภูเก็ต แก้ปัญหาท่องเที่ยว-น้ำท่วม-จราจร

ลากเกม 1 เดือน 13 ก.พ.ถกแก้รธน. สว.ตั้งธงค้าน กกต.แทงกั๊ก ชี้ทักษิณก้ำกึ่ง หาเสียงขัดกม.