“นฤมล” สั่ง Set Zero สารปนเปื้อนในผลไม้ สร้างความมั่นใจตลาดส่งออก

“นฤมล” รมว.เกษตรฯ สั่ง Set Zero สารปนเปื้อนในผลไม้ พร้อมวางมาตรการใหม่ภายใน 10 วัน ลุยตรวจเข้ม ยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยผักผลไม้ไทย สร้างความมั่นใจตลาดส่งออก

วันที่ 13 มกราคม 2568 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุม 123 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผ่านระบบการประชุมทางไกล ZOOM Cloud Meetings โดยมี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการเกษตร ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง และกรุงโตเกียว เข้าร่วม

นางนฤมล กล่าวว่า ตามที่ได้ปรากฏในข่าวสาธารณรัฐประชาชนจีนระงับการนำเข้าทุเรียนของไทย ภายหลังตรวจพบการใช้สาร Basic Yellow 2 นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่นิ่งนอนใจ และเป็นนโยบายที่ตนได้เน้นย้ำความสำคัญในการควบคุมมาตรฐานสินค้าผักและผลไม้ จึงได้ประชุมพิจารณาวาระเร่งด่วนเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการค้าผักผลไม้ไทย ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบเพิ่มมาตรการตรวจเข้มข้น โดยตรวจทุกตู้ที่มีการส่งออก 100% รวมถึงการตรวจสารแคดเมียม หนอนทุเรียน และสารซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในลำไยด้วย หากตรวจพบจะดำเนินการตามบทลงโทษตามประกาศกรมวิชาการเกษตร

“กระทรวงเกษตรฯ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปตรวจตามล้งต่างๆ แล้ว โดยพื้นที่ภาคใต้ที่ จ.ชุมพร และ จ.นครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่ที่จะต้องดำเนินการก่อนเนื่องจากผลผลิตทุเรียนกำลังจะทยอยออกสู่ตลาด ขณะเดียวกัน ในระหว่างการเตรียมความพร้อม ดิฉันอยากให้ความมั่นใจกับพี่น้องเกษตรกรว่า กระทรวงเกษตรฯ พร้อมวางมาตรการใหม่ภายใน 10 วัน และจะดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อยกระดับคุณภาพและความเชื่อมั่นในทุเรียนไทย อย่างไรก็ตาม ได้ประสานกับกรมการค้าภายในช่วยดูแลเรื่องราคาทุเรียน ขอความร่วมมือผู้รับซื้อทุเรียน ไม่ให้มีการกดราคา”

ทั้งนี้ ในวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ 2568 ตนจะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนร่วมกับนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ และจะนำเรื่องดังกล่าวหารือกับทางสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (General Administration of Customs of the People’s Republic of China) GACC ถึงการดำเนินมาตรการที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นในสินค้าผักผลไม้ของไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและส่งออกสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร เนื่องจากสินค้าผักผลไม้ของไทยที่ส่งออกไปจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี โดยปี 2567 (มกราคม-พฤศจิกายน) ไทยส่งออกผลไม้สด 1.817 ล้านตัน มูลค่า 177,131 ล้านบาท

ขณะที่กรมวิชาการเกษตร ได้ออกประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง มาตรการควบคุมการปนเปื้อนสารห้ามใช้ในทุเรียนผลสดส่งออกไปสาธารณรัฐประชาชนจีน พ.ศ. 2568 โดยมีผลบังคับใช้วันที่ 10 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ดังนี้

1. กรณีที่มีการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิต ต้องใช้ทั้งชนิดและปริมาณที่ถูกต้อง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง หรือตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 หรือข้อกำหนดของประเทศคู่ค้า

2. กรณีตรวจพบโรงคัดบรรจุใช้สารห้ามใช้หรือมีสารห้ามใช้ไว้ในครอบครอง จะถูกระงับการส่งออกและนำไปสู่การยกเลิกหนังสือสำคัญแสดงการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืชก็ได้

3. กรณีเจ้าหน้าที่สงสัยว่าทุเรียนมีการใช้สารห้ามใช้ ให้มีอำนาจสั่งให้โรงคัดบรรจุนำผลทุเรียนนั้นไปตรวจวิเคราะห์กับห้องปฏิบัติการ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาออกใบรับรองสุขอนามัยพืช

สำหรับสถิติการส่งออกผลไม้ไปสาธารณรัฐประชาชนจีน ปี 2565-2567 พบว่า ปริมาณการส่งออกทุเรียนลดลง ขณะที่ปริมาณการส่งออกลำไยสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาดังนี้ ปี 2567 ไทยส่งออกผลไม้ไปสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวนรวมทั้งสิ้น 101,884 ตู้/ชิปเม้นท์ ปริมาณรวม 1,824,815 ตัน มูลค่ารวม 134,954 ล้านบาท โดยมีปริมาณการส่งออกลดลงจากปี 2565 และปี 2566 โดยเป็นการส่งออกทุเรียน จำนวน 52,960 ตู้/ชิปเม้นท์ ปริมาณ 824,777 ตัน มูลค่า 88,806 ล้านบาท ในส่วนของการส่งออกลำไย จำนวน 15,102 ตู้/ชิปเม้นท์ ปริมาณ 375,327 ตัน มูลค่า 16,018 ล้านบาท ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรรายงานอีกด้วยว่า ได้เตรียมยื่นขอเปิดตลาดส่งออกลำไยทุกประเภทจากไทยไปฟิลิปปินส์เพื่อขยายตลาดเพิ่มขึ้น.

ข้อมูล/ภาพ : ไทยรัฐ

มท.ยันไม่เพิกถอนที่ดินเขากระโดง หลังคำอุทธรณ์รฟท.โดนยก ขอให้รอศาลปกครองตัดสิน

“นายกอิ๊งค์” มอบคำขวัญวันครูปี 68 ยกครูจุดประกายฝัน-สร้างโอกาสให้เด็ก