ประกาศจราจร ใบสั่งแบบใหม่ กําหนดค่าปรับ แก้ไขใน 180 วัน

ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแก้ไขคำสั่งศาลปกครองกลาง เรื่องประกาศใบสั่งค่าปรับจราจร สตช. 2 ฉบับชี้เป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.จราจรทางบก แต่ให้โอกาส ผบ.ตร.แก้ไขออกประกาศใหม่เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของประชาชนในการจราจรและประโยชน์สาธารณะให้ถูกต้องภายใน 6 เดือน

เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา แก้คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีที่นางสุภา โชติงาม ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กับผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่า ร่วมกันออกประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร พ.ศ.2563 ลงวันที่ 20 ก.ค.2563 และประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบสำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จากเดิมที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนประกาศทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว มาเป็นพิพากษาเพิกถอนประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร พ.ศ.2563 ลงวันที่ 20 ก.ค.2563 กับประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบสำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และความผิดตามกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับรถหรือการใช้ทางที่มีโทษปรับสถานเดียว พ.ศ.2566 ลงวันที่ 23 มี.ค. 2566 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่พ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา แทน

ศาลให้เหตุผลว่า แม้การออกประกาศทั้ง 2 ฉบับดังกล่าว เป็นการออกประกาศขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เปิดโอกาสให้โต้แย้งคัดค้าน อีกทั้งทำให้ผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้รับการพิจารณาโทษตามข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์แห่งการกระทำ ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญและกฎหมายจราจรทางบก พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมที่มุ่งควบคุมกำกับการใช้รถให้เกิดความปลอดภัย ส่งเสริมวินัยจราจร ให้มีการลงโทษผู้กระทำผิดตามพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดด้วยความเสมอภาค เนื่องจากรูปแบบใบสั่งที่กำหนดขึ้นใหม่ ตามประกาศของ สตช. ได้ตัดสาระสำคัญในส่วนของการปฏิเสธการกระทำความผิดตามใบสั่ง บันทึกของผู้ต้องหา บันทึกของพนักงานสอบสวน กำหนดไว้เพียงวิธีการชำระค่าปรับด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมทำให้ผู้รับใบสั่งเข้าใจว่า ตนมีหน้าที่ต้องชำระค่าปรับเท่านั้น

นอกจากนี้ การที่ ผบ.ตร.ออกประกาศกำหนดจำนวนค่าปรับเกี่ยวกับความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522ฯ เป็นการล่วงหน้าในอัตราคงที่แน่นอนตายตัว ไม่ได้มีลักษณะกำหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้เจ้าพนักงานจราจรใช้ดุลพินิจว่า กรณีที่ผู้ขับขี่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก หรือกฎหมายอื่น เกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง การกระทำของผู้ขับขี่ดังกล่าวสมควรที่เจ้าพนักงานจราจรจะว่ากล่าวตักเตือน เช่น กรณีมีเหตุจำเป็น หรือเป็นการกระทำความผิดครั้งแรก หรือการกระทำของผู้ขับขี่สมควรที่เจ้าพนักงานจราจรจะออกใบสั่งให้ผู้นั้น ชำระค่าปรับหรือไม่และเป็นจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบได้ เป็นจำนวนเท่าใด หรือแม้แต่กรณีที่ไม่พบด้วยตนเอง หรือเป็นการใช้เครื่องอุปกรณ์ต่างๆ เจ้าพนักงานจราจรย่อมมีดุลพินิจดังกล่าวได้เช่นเดียวกัน จึงเป็นกรณีที่ ผบ.ตร.ใช้ดุลพินิจในการกำหนดค่าปรับกับผู้กระทำความผิดแทนเจ้าพนักงานจราจรหรือเจ้าพนักงานในตำแหน่งอื่น ขัด พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 เป็นกฎที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ในคำสั่งศาลปกครองสูงสุดระบุอีกว่า แม้ว่าคดีนี้ ศาลจะวินิจฉัยว่าประกาศ สตช.พิพาทดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่โดยที่เจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมให้เหตุผลว่า ปัจจุบันการเกิดอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากผู้ขับขี่ขาดวินัยในการใช้รถใช้ถนน ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินของประชาชน ในการจราจรและประโยชน์สาธารณะ ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิพาทในคดีนี้ จึงถือเป็นเครื่องมือหรือมาตรการสำคัญอย่างหนึ่ง ในการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าพนักงานจราจร ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ประกอบกับปัญหาความไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว ผบ.ตร.สามารถปรับปรุงแก้ไขได้โดยการกำหนดรูปแบบใบสั่ง ให้มีคำเตือนเช่นที่เคยปฏิบัติมาก่อนและกำหนดจำนวนค่าปรับให้มีลักษณะที่เจ้าพนักงานจราจรสามารถใช้ดุลพินิจ ให้เป็นไปตามกฎหมายจราจรทางบก ว่ากล่าวตักเตือน หรือใช้ดุลพินิจในการกำหนดจำนวนค่าปรับไม่เกินจำนวนที่ ผบ.ตร.กำหนด ตามที่ พ.ร.บ.จราจรทางบก บัญญัติไว้ เพื่อให้เจ้าพนักงานจราจรใช้ดุลพินิจการว่ากล่าวตักเตือนหรือเปรียบเทียบปรับตามสมควรแต่ละกรณี อีกทั้ง ผบ.ตร.ยังสามารถปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงประ กาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติดังกล่าวได้อยู่แล้ว

ดังนั้น จึงยังไม่สมควรพิพากษาให้เพิกถอนประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังกล่าวนั้น โดยให้มีผลทันที หรือให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ออกประกาศดังกล่าว เพราะจะก่อให้เกิดผลเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะและการบังคับใช้กฎหมาย การที่ศาลปกครองกลางพิพากษาเพิกถอนประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร พ.ศ.2563 ลงวันที่ 20 ก.ค.2563 และประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบสำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 โดยให้มีผลย้อนหลังถึงวันที่ออกประกาศดังกล่าว ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วยบางส่วน พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองกลางเป็นให้เพิกถอนประกาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร พ.ศ.2563 ลงวันที่ 20 ก.ค.2563 และประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง การกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบสำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และความผิดตามกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับรถหรือการใช้ทางที่มีโทษปรับสถานเดียว พ.ศ.2566 ลงวันที่ 23 มี.ค.2566 โดยให้มีผลนับแต่วันที่พ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษา และคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

ข้อมูล / ภาพ : ไทยรัฐ

ยาย 85 หวิดสูญ 2 ล้าน ตํารวจไซเบอร์ประสานแบงก์ขออายัดไว้ทัน

ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานหลายจังหวัด กทม. สีส้ม 30 พื้นที่ มากสุดที่บางนา