อังคณา นีละไพจิตร วิจารณ์แถลงการณ์ สตง. กลางวิกฤต 80 ชีวิตสูญหาย

สมาชิกวุฒิสภาและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน อังคณา นีละไพจิตร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความไม่เห็นด้วยต่อแถลงการณ์ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่เผยแพร่ในช่วงเกิดเหตุการณ์ผู้สูญหายเกือบ 80 ชีวิต โดยระบุว่า แถลงการณ์ดังกล่าวไม่ได้สะท้อนความเข้าใจในความทุกข์ของประชาชน แต่กลับเน้นผลกระทบด้านภาพลักษณ์ขององค์กร ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ประชาชนกำลังสูญเสียคนรักอย่างเจ็บปวด

อังคณาชี้ สตง. ควรใช้ “หัวใจ” มากกว่าปกป้ององค์กร

อังคณา นีละไพจิตร ตั้งคำถามผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ขณะที่ครอบครัวของผู้สูญหายยังรอคอยความหวังจากเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้น แถลงการณ์ของ สตง. กลับพูดถึงเพียง “ความฝันที่ถูกทำลายในการมีบ้านหลังใหม่” และ “การถูกตรวจสอบจากสังคม” ซึ่งเป็นเรื่องขององค์กร มากกว่าความรู้สึกของประชาชน

เธอระบุว่า การสูญเสียบ้านยังสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ แต่ชีวิตของผู้คนที่อยู่ใต้ซาก และความเจ็บปวดของครอบครัวที่รอข่าวคนรัก เป็นความสูญเสียที่ไม่มีสิ่งใดทดแทนได้ พร้อมกันนี้ยังตั้งคำถามว่า ผู้บริหารของ สตง. ในฐานะ “เจ้าของบ้าน” ได้ลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจผู้สูญเสียหรือไม่ หากแถลงการณ์ที่ปรากฏเป็นของจริง ก็ถือว่า “น่าผิดหวัง” อย่างยิ่ง

แถลงการณ์กลางวิกฤต สตง. ถูกวิจารณ์ว่า “ห่วงองค์กรมากกว่าชีวิตคน”

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ออกแถลงการณ์ในช่วงที่ประชาชนกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากการสูญหายของคนใกล้ชิด โดยเนื้อหากล่าวถึงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร รวมถึงความฝันที่องค์กรมีต่อการสร้างบ้านหลังใหม่ แต่ไม่ได้กล่าวถึงความเสียใจหรือให้กำลังใจต่อครอบครัวของผู้ประสบภัยแม้แต่น้อย

ท่าทีดังกล่าวก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ ว่าเป็นการละเลยหัวใจของความเป็นมนุษย์ และสะท้อนแนวคิดที่เน้นความปลอดภัยขององค์กร มากกว่าความรู้สึกของประชาชนที่อยู่ในภาวะทุกข์หนัก

ประชาชนตั้งคำถาม: ใครควรได้รับความเห็นใจมากที่สุด?

ข้อความหนึ่งที่ถูกแชร์อย่างแพร่หลายระบุว่า “บ้านที่พังสามารถสร้างใหม่ได้ แต่ชีวิตของคนที่ยังอยู่ใต้ซากคือความสูญเสียที่ไม่มีอะไรชดเชยได้” ซึ่งสะท้อนความรู้สึกของประชาชนจำนวนมากที่ไม่พอใจกับการที่ สตง. ให้ความสำคัญกับตนเองในภาวะที่ครอบครัวผู้สูญหายต้องเผชิญกับความเจ็บปวด

เสียงเรียกร้องหลักของสังคมคือการให้ สตง. คิดถึงคนอื่นให้มากขึ้น คิดถึงตัวเองให้น้อยลง และเปิดใจรับฟังคำถามจากประชาชนอย่างโปร่งใสและถ่อมตน ไม่ใช่ปกป้องภาพลักษณ์ขององค์กรเป็นหลัก

วิกฤตศรัทธาที่กำลังก่อตัวต่อหน่วยงานรัฐ

เหตุการณ์นี้กำลังกลายเป็น วิกฤตศรัทธา ที่อาจลุกลามในวงกว้าง โดยเฉพาะต่อหน่วยงานรัฐที่ควรเป็นต้นแบบของความโปร่งใสและจริยธรรม นักวิชาการด้านจริยธรรมและการสื่อสารองค์กรมองว่า ในยามวิกฤต การแสดงความจริงใจและความเข้าอกเข้าใจประชาชนสำคัญกว่าการแถลงปกป้ององค์กร

แม้แถลงการณ์จะมีเจตนาชี้แจง แต่เนื้อหาที่ขาดความเห็นอกเห็นใจและไม่สะท้อนการมีส่วนร่วมต่อความเจ็บปวดของประชาชน กลับกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ประชาชนตั้งคำถามถึงคุณค่าและบทบาทของหน่วยงานอย่าง สตง.

ประชาชนขอเพียง “ความจริงใจ” ไม่ใช่คำอธิบายที่เลี่ยงใจ

เกียรติภูมิขององค์กรสามารถสร้างใหม่ได้ แต่ชีวิตของคนที่หายไป ไม่มีใครชดเชยได้” — ข้อความจากผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่ง

เสียงสะท้อนจากสังคมไม่ได้เรียกร้องให้ สตง. ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายหรือทางการบริหารในทันที แต่ต้องการเห็น “ความจริงใจ” และการเปิดเผยข้อเท็จจริงในฐานะองค์กรของรัฐที่ยืนอยู่บนความไว้วางใจของประชาชน

การตอบสนองต่อเสียงของประชาชนอย่างเปิดใจ และไม่พยายามควบคุมการรับรู้ของสังคม จะเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นที่กำลังสั่นคลอน

อังคณา นีละไพจิตร, สตง., แถลงการณ์, วิกฤตศรัทธา, ผู้สูญหาย

ข้อมูล/ภาพ : FB Angkhana Neelapaijit

กสทช.รับฟังความเห็นรอบ 2 นักวิชาการหนุนมัดรวมประมูลทุกคลื่น ตั้งราคาเหมาะสมไม่กระทบผู้บริโภค วงการทีวีขอความชัดเจน 3500 MHz กสทช.จัดสรรให้อยู่ร่วมกันได้อย่างเหมาะสม

กาสิโนถูกกฎหมายเดินหน้าเข้าสภา ค้านหนักหวั่นซ้ำเติมปัญหาสังคม