ในภารกิจรื้อถอนซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่มลงกลางกรุง เครนยักษ์ K1000 จาก บริษัท เค.เครน อินดัสเทรียล จำกัด กลายเป็นหัวใจสำคัญของปฏิบัติการช่วยชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของภาคเอกชนไทยที่พร้อมยื่นมือช่วยเหลือโดยไม่แสวงหาผลประโยชน์หรือเครดิต
พลังของเอกชนไทยในยามวิกฤต
เมื่อเกิดเหตุการณ์ถล่มของอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ความหวังของการค้นหาและกู้ภัยขึ้นอยู่กับความสามารถในการเคลื่อนย้ายซากคอนกรีตขนาดมหึมา ภารกิจนี้ไม่อาจสำเร็จได้หากปราศจากความร่วมมือจากภาคเอกชน โดยเฉพาะจาก บริษัท เค.เครน อินดัสเทรียล จำกัด (K.Crane Industrial Company Limited) ที่นำเครนยักษ์ K1000 เข้าร่วมสนับสนุนภารกิจทันที
การตอบสนองอย่างรวดเร็วของบริษัทไทยแห่งนี้เป็นมากกว่าการจัดส่งเครื่องจักร แต่มันสะท้อนถึง จิตสำนึกสาธารณะ และความพร้อมของภาคธุรกิจในการก้าวข้ามบทบาทเดิม มายืนอยู่เคียงข้างประชาชนในยามวิกฤต โดยไม่ต้องการชื่อเสียงหรือผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น
K1000: เครื่องจักรยักษ์แห่งความหวัง
K1000 คือเครนที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังที่สุดในประเทศไทย ผลิตโดยบริษัท Kroll Cranes จากประเทศเดนมาร์ก และดูแลโดย เค.เครน อินดัสเทรียล เครนรุ่นนี้มีขีดความสามารถในการยกแผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่ระดับหลายร้อยตัน ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่ามีผู้สูญหายติดอยู่
ความสามารถของ K1000 ไม่ได้หยุดอยู่เพียงที่เทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงบทบาทในการ “เปิดทาง” สู่ความหวังให้ครอบครัวผู้สูญหาย โดยเฉพาะในโซน B ซึ่งภายหลังมีการค้นพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมจากพื้นที่ดังกล่าว
เงียบแต่ทรงพลัง: ภาคเอกชนไทยที่ยืนหยัดหลังฉาก
ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันด้านภาพลักษณ์และการสื่อสาร การที่บริษัทหนึ่งเลือกที่จะ “ทำก่อนพูด” เป็นสิ่งที่หาได้ยาก บริษัท เค.เครน อินดัสเทรียล เลือกยืนอยู่เงียบ ๆ อยู่เบื้องหลังภารกิจที่มีเดิมพันเป็นชีวิตมนุษย์ และนี่คือสิ่งที่สังคมควรให้การยอมรับและสนับสนุน
เหตุการณ์นี้ควรเป็นเครื่องเตือนใจว่า สังคมไทยไม่ได้ขาดคนดี แต่เราต้องหันไปมองให้เห็นพวกเขา โดยเฉพาะเหล่าภาคเอกชนที่ไม่เพียงแต่อยู่เพื่อเศรษฐกิจ แต่ยังยืนหยัดอยู่ในยามที่ประเทศต้องการที่สุด

ข้อมูล/ภาพ : dataforthai