มันไม่ใช่เสียงดังสนั่นเหมือนเสียงระเบิด แต่มันคือเสียงอาคารสำนักงานใหม่ของ “องค์กรตรวจเงินแผ่นดิน” ที่ถล่มลงมา ท่ามกลางความเงียบงันของระบบราชการ และเสียงลมหายใจของคนงานที่ติดอยู่ใต้ซากตึก
วันนี้ “ผู้ว่า สตง.” ออกมาแถลงแล้วว่า… “เราเป็นผู้เสียหาย”
เป็นคำพูดที่ฟังดู “ตรงไปตรงมา” จนต้องขมวดคิ้ว
องค์กรที่หน้าที่หลักคือ ตรวจสอบความถูกต้องของการใช้งบประมาณแผ่นดิน บัดนี้กลับต้องมานั่งแถลงข่าวรับผลพวงของการใช้งบฯ ที่ตรวจโดยตัวเองว่า “เราก็โดนเหมือนกัน” และขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่า “เราก็เสียใจ”
แต่ในขณะที่ผู้ว่าการ สตง. พูดถึงการเป็น “ผู้เสียหาย” สังคมก็เริ่มตั้งคำถาม…
แล้วใครล่ะคือ “ผู้รับผิดชอบ”?
ใช่—ความรับผิดชอบไม่จำเป็นต้องเป็นความผิด แต่ในฐานะองค์กรที่ควรเป็นด่านหน้าในการสกัดกลโกงจากระบบราชการ การที่สำนักงานตนเองถูกสร้างขึ้นบน “รอยร้าวของความไม่โปร่งใส” แล้วพังถล่มลงมาจากแผ่นดินไหว นั่นไม่ใช่เรื่องของภัยธรรมชาติอย่างเดียว แต่เป็นคำถามถึง “ธรรมาภิบาล” อย่างถึงราก
ในคำแถลงของผู้ว่า มีประเด็นที่น่าสนใจ—ยืนยันว่าไม่มีการปลอมลายเซ็นวิศวกร ไม่มีการเปลี่ยนคนคุมงาน และการแก้แบบเป็นเรื่อง “ปกติของโครงการใหญ่” ฟังดูราบเรียบ มีเหตุผล มีคำอธิบาย…
แต่ทั้งหมดนี้กลับ ไม่มีคำใดที่สะท้อนว่า “เราน่าจะรอบคอบกว่านี้”
บางที ความเงียบของคนตายใต้ซากตึก
มันดังกว่าคำว่า “ผู้เสียหาย” ที่พูดซ้ำบนโพเดียม
การยืนยันว่าจะเอาผิดทั้งทางอาญาและแพ่ง หากพบว่ามีคนเกี่ยวข้อง—นั่นคือสิ่งที่ “ต้องทำ” ไม่ใช่สิ่งที่ “เลือกทำ” และคำสัญญาเหล่านี้…คนฟังมาแล้วเป็นร้อยครั้งในทุกคดีทุจริตที่ลงเอยด้วยคำว่า “ไม่มีเจตนา”
เราไม่คาดหวังให้ผู้ว่าฯ ออกมาขอโทษแทนคนผิด
แต่เราเฝ้ามองว่าท่านจะใช้โอกาสนี้ “ตรวจตัวเอง” เหมือนที่ตรวจคนอื่นได้หรือไม่
ผู้เสียหายใช่จะหมายถึงคนที่ไม่มีทางสู้
บางครั้ง “ผู้เสียหาย” ก็คือคนที่หลับตาในวันที่ควรลืมตา
และในประเทศที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินพังถล่ม
คำว่า “โปร่งใส” จึงไม่ควรอยู่แค่ในรายงานประจำปี

ข้อมูล : ข่าวสด